นับจากวันแรกที่ พล อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจอย่างกล้าหาญเข้ามายุติปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และกระทำการหลายไปอย่างให้สถานการณ์ดีขึ้นในช่วงแรก
ล้วนได้รับเสียงชื่นชม และการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำก็ไม่มีใครต่อต้าน แม้จะมาด้วยวิธีการพิเศษ แต่เมื่อนานวันเข้า แม้จะเป็นผู้นำต่ออีกสมัยด้วยช่องทางตามรัฐธรรมนูญจากที่มีเสียงเชียร์ ก็เริ่มกลายเป็นเสียงไล่ และมีคำถามมากมายตามมา
กระทั่งใกล้ถึงวันครบ 8 ปีของการดำรงตำแหน่ง คนต่อต้าน คนเห็นต่างรัฐบาล หรือแม้แต่คนในของรัฐบาลก็แอบก็อาศัยช่องทางกฎหมายกดดันเพื่อหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลง อยากให้ลงจากตำแหน่ง เพื่อตัวเองจะได้มีโอกาสได้ลิ้มลอง
แย่งชิงตำแหน่งเบอร์หนึ่งของฝ่ายบริหารกันอีกครั้ง โดยที่ยังไม่มีใครยืนยัน หรือฟันธงแบบ100% การนับวาระดำรงตำแหน่งของ”บิ๊กตู่”เริ่มจากตรงไหน ถึงจะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มีแต่คิดกันเอง มโนกันไปเองว่าจะครบในวันที่ 24ส.ค.นี้ก็เท่านั้น
1.มาตรา 158 วรรคสี่ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้
2.มาตรา 158 วรรคสอง ระบุว่า นายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159
3.มาตรา 264 ระบุว่า ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็น ครม. ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้
4.คำอธิบายประกอบรายมาตราของมาตรา 158 (ปรากฏในหน้า 275) ระบุว่า การกำหนดระยะเวลา 8 ปีก็เพื่อมิให้เกิดการผูกขาดอำนาจในทางการเมืองยาวเกินไปอันเป็นต้นเหตุเกิดวิกฤตทางการเมืองได้
จะเห็นว่าจากข้อกฏหมายที่มีการหยิบยกมาอธิบาย ของบรรดานักกฏหมายทั้งจากฝ่ายเชียร์ และฝ่ายแช่ง ต่างก็ตีความไปคนละอย่าง ทั้งที่มาจากกฏหมายข้อเดียวกัน เรื่องเดียวกันทั้งสิ้น ดังนั้นนับจากวันนี้เหลือเวลาอีก10วันเต็มๆถึงจะครบกำหนด
ตามธงที่ฝ่ายเห็นต่างต้องการ ส่วนเมื่อครบกำหนดแล้ว ผลจะออกมาตรงใจหรือไม่คงต้องรอผู้มีอำนาจ หน้าที่ตัดสินที่แท้จริงมาชี้แจงให้ฟังกันอีกครั้งฝ่ายไหนจะได้ฉลอง 10วันคงไม่นานเกินไปที่จะสงบเสงี่ยม สำรวมอาการ หยุดใช้ประเด็นนี้ปลุกปั่น
เพื่อสร้างความสับสนวุ่นวาย เพราะอย่างน้อยๆ พล.อ.ประยุทธ์ ยังดำรงตำแหน่งอย่างชอบธรรมอยู่ มีหน้าที่ต้องทำ มีหน้าที่ต้องแก้ไขปัญหาของชาติ ช่วยเหลือประชาชน ไม่ควรที่จะถูกฉุด ถูกดึง เหนี่ยวรั้งเอาไว้กับประเด็นนี้จนไม่สามารถทำงานได้
เพราะผู้ที่จะได้รับผลกระทบคือประชาชน ดังนั้นการที่ “บิ๊กตู่”ตอบสื่อมวลชนทุกครั้งว่ารอศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้วินิจฉัย และพร้อมน้อมรับการตัดสิน จึงถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ส่วนคนที่เห็นต่างควรทำสิ่งที่ควรทำยื่นเรื่องตามขั้นตอน
เพื่อขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นนี้อย่างถูกต้องรวดเร็วตามขั้นตอนดีกว่า เพราะการโหมพูดผ่านสื่อทุกๆวันไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด แต่ผลทางกฏหมายควรเกิดจากกระบวนการและขั้นตอนที่ถูกต้องของการตรวจสอบจึงจะเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย….
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews