ได้ฤกษ์ “ฝ่ายค้าน” รวบรวมรายชื่อ 171 คน ยื่นเรื่อง “ประธานชวน” ขอให้ ศาล รธน.วินิจฉัยการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ “ลุงตู่” ว่าหมดวาระดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีหรือไม่
โดยยื่นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ผ่านประธานชวน ร้องให้ศาล รธน.พิจารณาวินิจฉัยการสิ้นสุดลงของนายกรัฐมนตรี หลังจากดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ 24 ส.ค.57 ซี่งเป็นข้อเท็จจริงที่มีการดำรงตำแหน่งต่อเนื่องมาตลอด พร้อมทั้งอ้างอิงข้อกฎหมาย คือ รธน. บทเฉพาะกาล ม. 264 ที่บัญญัติการสิ้นสุดลงเฉพาะตัวของตำแหน่งรัฐมนตรี ประกอบกับคำวินิจฉัยที่เกี่ยวเนื่องของศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งอ้างเจตนารมณ์และจุดมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ
โดยเนื้อหาคำร้องของ ส.ส. พรรคร่วมฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ยื่นประกอบด้วย 1. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการสิ้นสุดลงของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรค 2 และมาตรา 158 วรรค 42. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าจะมีคำสั่ง เนื่องจากเห็นว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งสำคัญของการบริหารราชการแผ่นดิน
นอกจากนี้ “ฝ่ายค้าน” ยังฝากถึง “นายกฯลุงตู่” อย่าตัดสินใจยุบสภาไปก่อนตามที่มีข่าวว่าจะมีการยุบสภาภายในวันที่22ส.ค. เพราะจะส่งผลกระทบกับกฎหมายเลือกตั้งที่ยังไม่ครบกระบวนการซึ่งหากไม่มีกฎหมายใช้ในการเลือกตั้ง จะเกิดกระแสต่อต้าน ข้อขัดแย้งต่างๆ จะเพิ่มขึ้น วิกฤตการเมืองจะตามมา
เรียกว่า เป็นอีกช่องทาง การยื่นร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความกรณี “8ปีนายกฯ” หลังก่อนหน้านี้ มีทั้ง “พี่ศรี” และ “เต้007” ไปยื่น โดยในราย “ศรีสุวรรณ” ที่ไปยื่นผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน นั้นเมื่อวาน (16ส.ค.)
“พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์” เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินบอกว่า เบื้องต้นผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติรับคำร้อง และได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุมเรียบร้อยแล้ว โดยพิจารณาแล้วเห็นว่าควรจะออกคำวินิจฉัยให้ได้ก่อนวันที่ 23 ส.ค.
กระนั้นที่ถูกจับตาจากหลายฝ่ายคือ การตัดสินใจของ “นายกฯลุงตู่” ในห้วงเวลา6วันที่เหลือก่อนถึงเที่ยงคืน วันที่ 23 ส.ค.ว่า จะออกมาแนวทางใด ไม่ว่าจะเป็น การยืนยันปฏิบัติหน้าที่นายกฯต่อไปหลังวันที่ 23 ส.ค.โดยอ้างรอศาล รธน.ตัดสิน ที่มีโอกาสสุ่มเสี่ยงหาก “ครบวาระ” ขึ้นมาจริงๆ ตามคำวินิจฉัย หรือการลาออก ก่อนถึง23ส.ค. แล้วให้ “พี่ใหญ่ป้อม” ขึ้นมาเป็น “นายกฯรักษาการ” 30 วัน ห้วงที่สภาฯต้องพิจารณา “นายกฯสำรอง” ที่มีชื่อ “หัวหน้าหนู” จากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และ “อภิสิทธิ์” จากประชาธิปัตย์ (ปชป.) จ่อคิว ต่อจาก พปชร.ที่หากที่ประชุมไม่เอาด้วย ก็ต้องใช้เสียงรัฐสภา2ใน3 เลือก “คนนอก” ที่จะถึงจังหวะของ “พี่ใหญ่ป้อม” ที่ก็ยังไม่มีอะไรการันตีกับสภาพการณ์ของเสียงในสภาสูงและสภาล่างที่จะเกิดภาวะนอกเหนือการควบคุม
ในขณะที่อีกทางที่หลายฝ่ายประเมินว่าเป็นไปได้ที่สุดในห้วงหลังวันที่ 19ส.ค.เมื่องบประมาณ66ผ่านวาระ2แล้วคือ การตัดสินใจ “ยุบสภา” ที่ “นายกฯลุงตู่” จะเป็น “นายกฯรักษาการ” ด้วยตัวเอง ที่ “ลุงตู่” จะยังคงเป็น “นายกฯ” ได้ต่อไปถึงเลยการประชุมเอเปค ปลายปี ยังพอมีเวลาตั้งเนื้อตั้งตัวแบบเพลย์เซฟ แม้โดยวิธีการนี้ จะต้องมีการเลือกตั้งภายใน 60 วัน ที่ฉุกละหุกกับบรรดาพรรคการเมือง รวมถึง “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ของ “ลุงตู่” ที่เพิ่งตั้งไข่ ก็ตาม
เรียกว่า แม้ สัญญาณ ที่ส่งผ่านจาก “ศูนย์อำนาจ” โดยตรงโดยเฉพาะ “นายกฯลุงตู่” หรือ จากคนรอบข้างที่มีการขยับสับเปลี่ยน จะดูเหมือนมีความมั่นใจในเชิงการ “ไปต่อ” แต่โดยสภาพการณ์ ชั่งวัดน้ำหนักทั้งข้อเท็จจริงแบบ “พฤตินัย” และทั้ง “ข้อกฎหมาย” แบบ “นิตินัย”
ก็เริ่มมี สัญญาณกดดัน จากรอบทิศทางทั้งคนเคยกันเอง และ ฝ่ายปฏิปักษ์ มายัง “นายกฯลุงตู่” ในประเด็น ความชอบธรรม และ สปิริต ที่ยิ่งทอดเวลาใกล้วันที่ 23ส.ค. ยิ่งคุกรุ่นทั้งในแวดวงการเมือง นักวิชาการด้านกฎหมาย และรวมถึง กลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ เช่น “กลุ่มตู่จตุพร-ทนายนกเขา” ที่กำลังสะสมมวลมีการนัดหมายรวมตัวกันต่อประเด็น “8ปีนายกฯ” วันที่ 21ส.ค.แล้ว.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews