การถ่ายรูปหมู่ คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2560 คือจุดเริ่มต้นของคดีนาฬิกาหรู “ยี่ห้อริชาร์ดมิลล์” ราคาเกือบ 4 ล้าน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่สุดของ 3 ป. ซึ่งไม่เคยปรากฏในบัญชีทรัพย์สินมาก่อน นำมาซึ่งการร้องเรียน และตรวจสอบอย่างเข้มข้นของภาคประชาชน และนักสืบโซเชียล จนพบว่ามีการสวมใส่นาฬิกาสุดหรูยี่ห้อต่างๆ ราคาหลายล้านมากถึง 25 เรือน
ก่อนที่คณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. ที่อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญขนานนามว่า “ปปช.ชุดนาฬิกาเพื่อน” จะมีมติ 5 ต่อ 3 ไม่รับพิจารณา”นาฬิกาหรู” เป็นคดี โดยให้เหตุผลเพียงว่าจากการตรวจสอบเชื่อได้ว่า
นาฬิกาที่ พล.อ. ประวิตร สวมนั้น “ยืมเพื่อนมา” หลังจากใช้เวลา 1 ปีเต็มในการตรวจสอบ และเรื่องราวในเชิงตรวจสอบ ค้นหาความจริงก็ค่อยๆ เงียบไป มีแต่การพูดถึงในเชิงการเมืองเท่านั้น
ที่ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน หยิบยกมาเป็นประเด็น มาเป็นสีสัน ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร ในสภา แต่ก็ไร้ผลอันเป็นรูปธรรม ราวกับ คดีนี้ จบสิ้นไปแล้ว ตามที่”บิ๊กป้อม”ยื่นยันมาตลอดว่า ยืมนาฬิกาเพื่อนมา และเพื่อนก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว จนกระทั่ง
ณ วันนี้ ใกล้จะครบ 5 ปีเต็มของนาฬิกาหรู “ธีรัจชัย พันธุมาศ” ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ ป.ป.ช.ก็ได้มาจุดประเด็น พบหลักฐานใหม่ พร้อมเรียกร้องให้ 3 ปปช.เสียงข้างน้อย เสนอนำเรื่องกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง ตามมาตรา 54 ของกฏหมาย ปปช.
คณะกรรมาธิการ ปปช.ของสภาผู้แทนราษฎร ถือเป็นอาวุธเด็ดของฝ่ายค้าน ในการตรวจสอบรัฐบาล และคดี”นาฬิกาเพื่อน”คือหนึ่งในผลงานที่ข้างชัดเจน ว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช จริงจังและให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก คณะทำงานที่มี “ธีรัจชัย” เป็นขุนพลหลัก
ยังตรวจสอบในเชิงลึกมาโดยตลอด แม้ ปปช.จะตีตกเรื่องดังกล่าวไปแล้วถึง 4 ปี และพบว่าเพื่อนที่เสียชีวิตไปแล้วของ พล.อ.ประวิตร มี “หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล” เป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล และเมื่อเรียกเอกสารทรัพย์สินมาดูกลับมีพิรุธ
เพราะไม่ปรากฏนาฬิกาหรูอยู่สักเรือน จึงขอมติกรรมาธิการ เชิญผู้จัดการมรดก มาชี้แจงอีกครั้ง จึงนับเป็นการรื้อฟื้นคดีนาฬิกาหรูยืมเพื่อน กลับขึ้นมาอย่างเต็มตัว และเชื่อว่าหลังจากนี้ “นาฬิกาเพื่อน” จะกลายเป็นประเด็นที่มีการขยายผลในวงกว้างมากขึ้น
โดยเฉพาะในเชิงของการตรวจสอบการทำหน้าที่ของ ปปช.ที่สรุปแบบง่ายๆ ไม่รับคดีไว้พิจารณาเมื่อปี 61 เหมือนกับที่กำลังขุดคุ้ยเรื่องการฝากตำรวจหญิง ของ ส.ว. รื้อระบบอุปถัมถ์ในแวดวงตำรวจ หรือแม้แต่ในเชิงการเมือง
หาก “พล.อ.ประวิตร” ที่ปัจจุบันเป็นรักษาการนายกฯ จะก้าวขึ้นมาเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็จะถูกโจมตีดิสเครดิต ด้วยข้อกล่าวหาเรื่องนาฬิาเพื่อน ในช่วงของการหาเสียงอย่างแน่นอน หากยังมีข้อกังขา
ไม่สามารถพิสูจน์ให้เสร็จสิ้นกระแสความ ดังนั้น นาฬิกาเพื่อน ที่พล.อ.ประวิตร เชื่อว่าจบแล้ว อาจยังไม่จบ เหมือนที่ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ยืนยันก็เป็นได้….
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews