กทม. คาด ลาดกระบัง หากฝนไม่ตกเกิน 7 วันจะกลับสู่สถานการณ์ปกติ เร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ยัน ไม่ทิ้งประชาชนแน่นอน
วันนี้ (15 ก.ย 65) ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร และนายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษก กทม. ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์น้ำในพื้นที่ และการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ณ ห้องเจ้าพระยา กทม.1 เสาชิงช้า
โดยนายขจิต กล่าวว่า ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝนตกเกิน 100 ล้านลูกบาศก์เมตรทั้งกทม. ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันต้องแบ่งเป็น2ส่วน คือ กลุ่มเขตหลักสี่เขตดอนเมือง เขคบางเขน น้ำสูงสุดที่คลองเปรมประชากร 1.56 เมตร ปัจจุบันเหลือ 1 เมตรแล้ว และบางเขนในซอยต่าง ๆ ลดลงเกือบหมดแล้วเช่นกัน ทั้งนี้คาดว่า ถ้าฝนไม่ตกอีก 2-3 วัน จะเข้าสู่สภาวะปกติ
ส่วนที่ 2 คือ เขตลาดกระบัง เขตประเวศ เขตหนองจอก สถานการณ์น้ำลดลงไปประมาณ 50 เซนติเมตร อยู่ในสถานการณ์ที่ดีขึ้น และเมื่อวานนี้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกรัฐมนตรี และนายขัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่ากทม. ลงพื้นที่ไปหนองจอก และทำให้เห็นว่าระดับน้ำเริ่มลดระดับ และเมื่อวานนี้ผู้ว่ากทม.ได้ขอให้ กอนช. ทำทางด่วนน้ำ ตัดไปออกแปดริ้วได้เลย
ทั้งนี้นายชัชชาติ ได้ตัดสินใจ เปิดประตูน้ำลาดกระบัง และกระทุ่มเสือปลา ทำให้น้ำลดลงอย่างรวดเร็ว คาดว่าไม่เกิน 7 วัน ถ้าฝนไม่ตกเพิ่ม น้ำจะลดลงทั้งหมด ทำให้มองว่าสถานการณ์น้ำในช่วงนี้ บริเวณรอบนอกน่าจะดีขึ้น
ส่วนปัจจุบันน้ำสถานการณ์น้ำเหนือผ่านบางไทรมา ยังอยู่ในระดับที่รับได้ ทำให้ไม่มีอะไรที่น่าเป็นกังวล ซึ่งพื้นที่ฟันหลอริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้ง 17 เขต ได้ให้สำนักเขตเตรียมเฝ้าระวังไว้ก่อน
ด้านรองทวิดา กล่าวว่า สถานการณ์ที่ผ่านมา กทม.พยายามปรับให้มีศูนย์กลางของข้อมูล เมื่อเขตทราบข้อมูลว่าจะมีฝนตกหนักในพื้นที่ หน่วยทุกหน่วยของกทม.จะออกไปเตรียมพร้อมก่อน และได้ให้การช่วยเหลือต่างๆ ทั้งการอำนวยความสะดวกประชาชน และการประสานอำนวยความสะดวกจราจร และอำนวยความสะดวกทางสัญจร รวมถึงมีการทำสุขาชั่วคราวในการช่วยให้มีเครื่องมือทางสุขอนามัยเพิ่มขึ้น รวมถึงการทำถุงยังชีพ
ส่วนการช่วยเหลือเยียวยา ขณะนี้สำนักงานเขตกำลังทำข้อมูลทั้งหมดเพื่อเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ และการประกาศพื้นที่สาธารณะภัยเพิ่มเติม โดยยืนยันว่า ไม่ได้ประกาศพื้นที่สาธารณภัยเพื่อให้เกิดความวิตก แต่เพื่อให้เป็นไปตามข้อบัญญัติของกทม.ในการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเดิม กทม.สามารถเยียวยาตามเกณฑ์ได้ แต่การประสานขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมในการประกาศเขตภัยพิบัตินั้น แม้จะได้รับการเยียวยา แต่ต้องไม่ซ้ำประเภทกัน
ส่วนกรณีที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่เขตบาดกระบังเมื่อวานนี้ช่วยทำให้การประสานงานเร็วขึ้นด้วยหรือไม่นั้น รองทวิดา บอกด้วยว่า การประสานงานกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดำเนินการมากว่า2สัปดาห์แล้ว แต่การมาของ มท.1 เพื่อให้เห็นว่า ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญ ส่วนเกณฑ์เยียวยาไม่ได้พึ่งเกิดขึ้นแต่มีอยู่เดิมมาก่อนแล้ว และก่อนหน้านี้ใช้ทรัพยากรของกทม.เป็นหลัก
ด้านนายเอกวรัญญู กล่าวว่า ที่ผ่านมา กทม.โดนวิพากวิจารณ์เยอะพอสมควร จึงต้องชี้แจงว่าเกิดอะไรขึ้น รวมถึงกรณีพื้นที่เขตลาดกระบัง กทม. ก็มีการดูแลมาตลอดไม่ใช่เราไม่ได้ดูแลเลย และยืนยันว่า จะหาทุกช่องทางช่วยเหลือประชาชนให้ดีที่สุด และให้ความมั่นใจว่า กทม.ไม่ทิ้งประชาชนแน่นอน
สำหรับพื้นที่ประสบอุทกภัยที่จะประกาศเป็นพื้นที่สาธารณะภัย ทั้งหมด 6 พื้นที่ ประกอบด้วย แขวงลาดกระบัง แขวงคลองสองต้นนุ่น แขวงคลองสามประเวศ แขวงขุมทอง แขวงทับยาว และแขวงลำปลาทิว มีประชาชนได้รับความเสียหายจากอุทกภัย 10,300 หลังคาเรือน มีประชากรทั้งหมด 20,767 คน รวมถึงพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 1,322 ไร่ แบ่งเป็นนาข้าว 800 ไร่ สวนผักและผลไม้ 22 ไร่ และบ่อปลาอีก 500 ไร่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews