NIA ผนึก9พันธมิตรพลิกโฉมภาคเกษตรไทยอย่างยั่งยืน
เอ็นไอเอผนึก 9พันธมิตร เชื่อมสตาร์ทอัพ เกษตรสู่เกษตรกรไทย ตั้งเป้าพลิกโฉมภาคเกษตรไทยอย่างยั่งยืน
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับ 9 เครือข่ายพันธมิตร ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่สนับสนุนการสร้างแพลตฟอร์มเชื่อมโยงสตาร์ทอัพสู่เกษตรกรและผู้ประกอบธุรกิจการเกษตร จัดกิจกรรม Demo Day ภายใต้โครงการ AgTech Connext 2022
โดยเป็นการทำงานร่วมกับหน่วยงานเชื่อมโยงเกษตรกร ภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกอบด้วย 1) กรมส่งเสริมการเกษตร, 2) กรมการข้าว, 3) กรมประมง, 4) กรมปศุสัตว์,
5) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) , 6) บริษัท อินโนสเปรซ (ประเทศไทย) จำกัด, 7) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, 8) สภาหอการค้าไทย และ 9) บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้มอบเครดิต AWS Cloud ให้แก่สตาร์ทอัพที่ผ่านการคัดเลือก อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจาก ธ.ก.ส. มอบเงินรางวัลมูลค่า 50,000 บาท ให้กับสตาร์ทอัพที่นำผลงานเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปใช้ยกระดับภาคการเกษตรไทยได้อย่างยอดเยี่ยม
ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ NIA เปิดเผยว่า สตาร์ทอัพเทคโนโลยีการเกษตร (AgTech startup) เป็นหนึ่งในสาขาที่มีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากเป็นตลาดสากลที่มีขนาดใหญ่ โดยในปี 2564 มีมูลค่าการลงทุนทั่วโลก 3.7 แสนล้านบาท และมีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้นจากความต้องการความมั่นคงทางอาหาร สำหรับประเทศไทยพบว่าปี 2565 สตาร์ทอัพเทคโนโลยีการเกษตรมีเงินลงทุนรวมประมาณ 1,200 ล้านบาท
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าการลงทุนทั่วโลก คิดเป็นเพียงร้อยละ 0.32 เท่านั้น จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายและมีความเป็นไปได้สูงที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการเร่งสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการเติบโตของสตาร์ทอัพเทคโนโลยีการเกษตรไทย เพื่อดึงดูดการลงทุนในภาคส่วนนี้มากขึ้น NIA
จึงมุ่งพัฒนา และเร่งสร้างสตาร์ทอัพเทคโนโลยีการเกษตร และระบบนิเวศที่เหมาะสม โดยอาศัยความร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตร เพื่อให้สตาร์ทอัพเทคโนโลยีการเกษตรไทยได้มีโอกาสทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนของระบบ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
สร้างการรับรู้ให้เกษตรกรเข้าถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมของสตาร์ทอัพ โดยตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญของสตาร์ทอัพเทคโนโลยีการเกษตรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนสามารถขยายเครือข่ายผู้ใช้บริการจากสตาร์ทอัพเพิ่มขึ้นถึง 25 เท่า สร้างเป็นรายได้ 15 ล้านบาท
ด้าน ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA กล่าวว่า “โครงการ AgTech Connext เป็นเสมือนสะพานเชื่อมให้สตาร์ทอัพได้มีโอกาสขยายเครือข่ายกับผู้ใช้งานจริง และสนับสนุนการปรับเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์เพื่อให้สตาร์ทอัพเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่ง สตาร์ทอัพที่ผ่านการคัดเลือกทั้ง 12 ราย ได้นำเสนอผลงานที่ใช้งานจริงร่วมกับเกษตรกรและผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจเกษตร เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตและขยายธุรกิจทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มอาเซียน ดังนี้
– การแก้ไขปัญหากลุ่มปศุสัตว์โคเนื้อ โคนม
1) สยามโนวาส ที่ต่อยอดมาจากผลงานวิจัยมามากกว่า 10 ปี เมื่อได้ลูกโคที่ดี
2) เซียนวัว ช่วยบริหารจัดการข้อมูลโคเนื้อโคนมด้วยแพลตฟอร์มที่ทำให้รู้จักโคทุกตัว และเป็นพื้นที่ตลาดการซื้อขายออนไลน์ – การแก้ไขปัญหาสำหรับพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าว และ อ้อย บนพื้นฐานของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
3) อีซี่ไรซ์ สร้างเครื่องตรวจสอบคุณภาพข้าวด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ที่จะประกันการปลอมปนและตรวจสอบคุณภาพข้าวได้อย่างรวดเร็วขึ้น
4) ออนเนียนแชค ระบบประมวลผลภาพและปัญญาประดิษฐ์ที่พิสูจน์กันได้อย่างชัดเจน
– การเพาะเห็ด เป็นแหล่งอาหารที่มีคุณค่าโภชนาสูง มีมูลค่าตลาดในประเทศ 9 พันล้านบาท และตลาดโลกในปี 2021 สูงถึง 1,940 พันล้านบาท
5) โซมัส พัฒนาระบบการเพาะเห็ดให้มีประสิทธิภาพสูงที่มีผลผลิตเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า พร้อมรับซื้อผลผลิตเพื่อแปรรูปและสร้างตลาดสำหรับกลุ่มบริโภคไม่ทานเนื้อสัตว์
6) ฟิวเจอร์ฟาร์ม เอไอ ใช้เทคโนโลยี IoT ควบคุมระบบโรงเรือนผลิตเห็ดโคนญี่ปุ่นที่ตลาดมีความต้องการสูง และราคาดี – การบริหารจัดการฟาร์มให้มีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
7) เมอร์ลิเนียม ฟาร์ม แก้ไขปัญหาการทำเกษตรอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยีผลิตพลังงานในตัวด้วยแสงความเข้มต่ำ สร้างให้เกิดฟาร์มอัจฉริยะไร้สายประหยัดพลังงาน
8) ฟาร์มคอนเน็ค เอเชีย ที่ต่อยอดความเชี่ยวชาญการทำฟาร์มเมล่อนเงินล้านที่ปลูกกลางทุ่งนา – การทำการเกษตรและประมงที่มีการใช้ไฟฟ้าในการควบคุมระบบต่างๆ
9) เอ็นเนอร์ยี่ออฟติงส์ ได้พัฒนาระบบประหยัดพลังงานอัจฉริยะ ที่ติดตั้งแบบทะยอยจ่ายเป็นค่าไฟฟ้าที่ลดลงในแต่ละเดือน คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม – การสร้างช่องทางตลาดรูปแบบใหม่ๆ ให้กับเกษตรกร
10) ฟาร์มบุ๊คเฟรช มาตอบโจทย์ด้านตลาดนำการผลิตเป็นแพลตฟอร์มที่เข้ามาช่วยเกษตรกรเพื่อจัดการฟาร์มตั้งแต่การผลิตสู่ตลาดล่วงหน้า
11) ส่งสด ให้ได้ของสด ของดี มีคุณภาพครบส่งตรงถึงครัวคุณ ร้านอาหาร และทุกธุรกิจที่ต้องการสินค้าเกษตร
12) วาริชธ์ ที่มีบริการด้านการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรที่มีครบถ้วนทุกมาตรฐานการผลิต ในการสร้างช่องทางตลาดออนไลน์ จนถึงการส่งออกไปต่างประเทศ
นายจิรศักดิ์ สุยาคำ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ ธ.ก.ส. กล่าวเพิ่มเติมว่า ธ.ก.ส. เป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน โดยมีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อส่งเสริมอาชีพหรือการดำเนินงานของเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์การเกษตร ตลอดจนมีเป้าหมายสอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลด้าน BCG (Bio-Circular-Green) Economy หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว
เพื่อบรรลุเป้าการยกระดับภาคการเกษตรดังกล่าวข้างต้น ดังนั้น ธ.ก.ส. มีกลไกการพัฒนาและร่วมลงทุนไปยังสตาร์ทอัพที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมพร้อมใช้ที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาของเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมถึงร่วมเป็นเครือข่ายพันธมิตรและสนับสนุนการดำเนินงานในโครงการ AgTech Connext นี้ เพื่อเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างสตาร์ทอัพและเกษตรกรให้มีโอกาสในการทำงานร่วมกัน อีกทั้งสร้างโอกาสให้เกษตรกรเข้าใจ และเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมของสตาร์ทอัพในการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และสร้างแนวทางตลาดใหม่ๆ ส่งผลให้เกิดการขยายผลการใช้งานและเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โทรศัพท์ 02-017 5555 ต่อ 552 (กุลิสรา) มือถือ 084-229 4994 อีเมล [email protected] เว็บไซต> https://agtechconnext.nia.or.th/ และ https://www.facebook.com/agtechconnext
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews