Home
|
ข่าว

“นฤมล” ย้ำ กยศ.ต้องไม่วางรากฐานให้คนอยากผิดวินัย

Featured Image
“นฤมล”ย้ำ กยศ.กับอนาคตของชาติ ต้องไม่วางรากฐานให้คนอยากผิดวินัย

 

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวสะท้อนมุมมองถึง ที่มาของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่งเริ่มต้นก่อตั้งเมื่อปี? พ.ศ. 2539 ด้วยงบประมาณ 3,000 ล้านบาท ดำเนินการในลักษณะเป็นทุนหมุนเวียนเพื่อให้โอกาสทางการศึกษากับนักเรียน นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์โดยไม่ได้แสวงหาผลกำไร ต่อมาปี พ.ศ. 2561 สามารถเป็นกองทุนหมุนเวียนที่ไม่ต้องพึ่งงบประมาณแผ่นดิน

 

โดยกองทุนมีเงินหมุนเวียนจากการชำระคืนในปีพ.ศ. 2564 กว่า 32,100 ล้านบาท ที่ผ่านมา มีผู้กู้ยืมจนได้รับโอกาสทางการศึกษาไปแล้ว 6,284,005ราย คิดเป็นเงินให้กู้ยืมกว่า 702,309 ล้านบาท โดยมีผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้จำนวน 3,559,421 ราย ผู้กู้ยืมที่ชำระหนี้เสร็จสิ้น ปิดบัญชีแล้ว 1,660,129 ราย

 

สำหรับผู้กู้ยืมที่มีปัญหาในการชำระหนี้กองทุนก็ได้ขยายระยะเวลามาตรการลดหย่อนหนี้ช่วยเหลือผู้กู้ยืมต่อเนื่องจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ดังนี้

-ลดอัตราการคิดเบี้ยปรับจากเดิม 12%-18% เหลือ 0.5% ต่อปี สำหรับผู้กู้ยืมที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี

-ลดดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจาก 1% เหลือเพียง 0.01% ต่อปี สำหรับผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนกองทุนและ ไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้

-ลดเงินต้น 5% สำหรับผู้กู้ยืมที่ไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้และต้องการปิดบัญชีในคราวเดียว

-ลดเบี้ยปรับ 100% สำหรับผู้กู้ยืมทุกกลุ่มที่ชำระหนี้ปิดบัญชี

-ลดเบี้ยปรับ 80% สำหรับผู้กู้ยืมที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีที่ชำระหนี้ค้างทั้งหมดให้มีสถานะปกติ

 

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ ให้ผู้กู้ที่ยังไม่ถูกฟ้องคดี และมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการผ่อนชำระเงินคืน จากเดิมกำหนดผ่อนชำระเป็นรายปี ผ่อนไม่เกิน 15 ปี เป็นผ่อนชำระเป็นรายเดือนในอัตราเท่ากันทุกเดือน ผ่อนไม่เกิน 30 ปี จะเห็นได้ว่าการช่วยผู้กู้ที่มีปัญหาในการชำระหนี้ ต้องเป็นแนวทางที่ตรงกับสาเหตุของปัญหา จึงจะแก้ปัญหาให้กับตัวบุคคลและตัวกองทุนได้ ในเมื่อทั้งเบี้ยปรับและดอกเบี้ย ได้ถูกลดมาต่ำมากจนไม่ใช่สาเหตุของปัญหาแล้ว จำเป็นไหมที่จะต้องลดให้เหลือศูนย์

 

ทั้งนี้ กองทุนมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี มีรายรับจากเบี้ยปรับและดอกเบี้ยราว 6,000 ล้านบาทต่อปี ตรงนี้ที่ทำให้สามารถเป็นกองทุนหมุนเวียนโดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณแผ่นดิน ค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุนสูงไปไหมเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพในการบริหารกองทุน เป็นอีกเรื่องที่ต้องพิจารณา หากเห็นว่า ที่ผ่านมา รายรับส่วนนี้ สูงไปกว่าค่าใช้จ่าย ก็ไปหาแนวทางลดลงให้คงเหลือเท่าที่จำเป็นสำหรับให้กองทุนพึ่งตัวเองได้

 

นอกเหนือจากประเด็นของการสนับสนุนให้กยศ.ยังคงความเป็นกองทุนหมุนเวียนได้ โดยไม่ต้องพึ่งหางบประมาณแผ่นดิน หากกยศ.ต้องกลับมาพึ่งงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งก็คือภาษีจากประชาชน สิ่งที่เราทุกคนควรให้ความสำคัญ คือ การสร้างวินัยทางการเงินของนักศึกษาที่จะเป็นอนาคตของชาติต่อไป

 

ร่างพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่…) พ.ศ….ยังเหลือขั้นตอนการพิจารณาของวุฒิสภา ที่คนส่วนมากยังสนใจตรงแค่ ดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ จะเป็นเท่าไร ทั้งที่ประเด็นนี้ ยังไม่สำคัญเท่ากลไกการบริหารจัดการของกองทุน และสถาบันการศึกษา รวมถึงภาคประชาสังคม ที่ต้องร่วมกันส่งเสริมการสร้างจิตสำนึกให้อนาคตของชาติไทยว่า “มีหนี้ ต้องจ่าย ถ้าจ่ายไม่ได้ ผู้กู้และกองทุนต้องรู้ว่าเพราะอะไร และต้องหาทางแก้ไขร่วมกัน”

 

นโยบายใดก็ดีที่ออกมา ต้องไม่สร้างอันตรายทางศีลธรรม (moral hazard) ที่เอื้อให้คนอยากผิดวินัย ตรงนี้สำคัญที่สุดที่อยากจะฝากวุฒิสภาและพวกเราทุกคนให้คำนึงถึง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube