เห็นโลงศพแล้วยังไม่หลั่งน้ำตา..เอาจริง”ยาเสพติด” หรือ ”อาวุธปืน” น่าจะเป็นนโยบายหรือยุทธศาสตร์ที่ “เข้าทาง” เป็น “จุดแข็ง” ของ รัฐบาลจากทหาร อย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชิงประกาศเป็นมาตรการเข้มข้น
เป็นจุดขายตีกิน เรียกเรตติ้งได้เปรียบพรรคอื่นได้มากโข ด้วยความรู้และความเข้าใจที่มีมากกว่ารัฐบาลพลเรือน โดยเฉพาะช่วงแรกปฏิบัติการยึดอำนาจหรือระยะดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ที่ยังใช้อำนาจออก “ม.44” ขจัดปัญหา แบบ “ปรับทัศนคติ” คู่ต่อกรทางการเมืองได้โดยไม่ต้องติดขัดอ้างระเบียบข้อกฏหมายเหมือนยามที่ครอง ตำแหน่งนายกฯ หลังการเลือกตั้ง..
แต่จะหวังผลอันใดแม้จะตั้ง “คณะกรรมการ” ขึ้นมาดูแลแก้วิกฤตยาเสพติดและอาวุธปืน หาก “ผู้นำ” เองยังไม่เปลี่ยนทัศนคติ แค่ “เขียนเสือให้วัวกลัว” ก็ไม่เป็นผล..
ในบริบทที่ “บิ๊กตู่” ยังไร้ซึ่งความรู้สึกรู้สา กับ “องค์กรยานรก” ขยายอิทธิพลเป็น ภัยสังคม ถึงขั้นวิกฤต สังคมเลว เพราะคนดีท้อแท้ เกิดเหตุคลั่งยาและใช้อาวุธปืนเข่นฆ่า ทำร้ายเด็กเล็กและชาวบ้านอย่างที่เกิดขึ้นเป็นตราปาบ “หนองบัวลำภู” ซึ่งเป็น บทเรียนราคาแพง เกินกว่าจะรับได้ มากกว่าจะเยียวยา..
“บิ๊กตู่”และแกนนำรัฐบาลจากรั้วของชาติ ยังบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับในปัญหา ไร้ปฏิกิริยาตื่นตัวกับภัยสังคม ซึ่งเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ ที่กำลังเกิดขึ้น ทั้งๆที่หน่วยงานซึ่งมีหน้าที่ ทั้งตำรวจและทหารต่างอยู่ในความรับผิดชอบและขึ้นตรงกับ “นายกฯตู่” ทั้งสิ้น..
เป็นที่ทราบกันดีทั่วโลก แหล่งผลิต “ยาเสพติด” โดยเฉพาะ “ยาบ้า” หลั่งไหลเข้ามาทางชายแดนจาก “ประเทศเพื่อนบ้าน” ซึ่งมีทหารเป็นหน่วยปราการแรก แนวรั้วของชาติดูแลและผ่านเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นอำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่ดูแลโดยตรงของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ของกระทรวงยุติธรรมซึ่ง “รมว.สมศักดิ์ เทพสุทิน” และ เลขา ป.ป.ส. ออกหน้าโชว์สื่อแค่ประชาสัมพันธ์อยู่บ้าง ยังพอเห็น..
จะเป็นเพราะ ทัศนคติ ของ “ผู้นำ” หรือไม่ ที่ทำให้ วงจรอุบาทว์ยานรก ขยายอิทธิพลหนักข้อขึ้น โดยเฉพาะ องค์กรยาเสพติด ที่ “คนมีสี” เข้าไปเกี่ยวข้องแสวงหาผลประโยชน์ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ทั้งทวนน้ำและตามน้ำ อย่างที่ปรากฏ..
ความเป็นตัวตนภาพลักษณ์ “นายกฯสะอาด”.. “บิ๊กตู่” ไม่อาจยอมรับความเป็นจริง ในตัวปัญหาซึ่งอาจหวั่นกับภาพพจน์ หรือหวั่นจะสูญเสียคะแนนนิยมความน่าเชื่อถือที่ “บิ๊กตู่” จินตนาการณ์เอาเองหรือไม่..
ที่สำคัญ ในเชิงนโยบายรัฐบาล “บิ๊กตู่” กลับเห็นดีชูนโยบายปล่อยพืชกระท่อม เสรีกัญชาถอดออกจากบัญชีเสพติด ซึ่งอาจเป็น “สัญญาณ” โดยเฉพาะ เยาวชน นำไปใช้ในทางที่ผิด คิดเป็นเรื่องที่ถูกต้องมากขึ้น.. ไม่นับรวม การคิดค้นสูตรยาเสพติดแต่ละชนิดแต่ละตัว ผสมปนเปทั้งที่มีสารกระตุ้นและสารกดประสาทตามแต่ปรากฏอาการเพี้ยนหรือคลั่งยาอย่างที่เห็นดาษดื่นเป็นข่าวหน้าสื่อรายวัน..
“บิ๊กตู่” แทนที่จะเลิกอคติ ยอมรับกับปัญหาที่เกิด และแก้ไข ไม่ปล่อยผ่านให้เกิดเหตุคลั่งยาและใช้อาวุธโดยเฉพาะปืนก่อเหตุ สร้างความสูญเสีย ความสะพึงกลัวเกิดขึ้นในสังคม ซึ่งสถิติการจับกุมยาบ้าก็มีปรากฏให้เห็น ไทยเป็นแชมป์อาเซียนและยังเป็นศูนย์กลางกระจายยานรกออกนอกประเทศ
หรือในทัศนะ “บิ๊กตู่” อาจชวนให้คิดในมุมต่าง หากจับกุมได้มากก็เพราะมียาเสพติดจำนวนมาก ไม่ได้มองในมิติเจ้าหน้าเข้มงวดเอาจริงเอาจัง..
ทั้งหมดทั้งมวล ยิ่งมาถึงช่วง “ผู้นำ” ปลายฤดูกาล ทั้งยังถูก “ด้อยค่า” อนาคตทางการเมือง “ปมนายก 8 ปี” แม้นจะผุด “คณะกรรมการ” ขึ้นมาแก้ปัญหา อำนาจบารมี ความเกรงใจจะหลงเหลือให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตามกันอย่างเข้มข้นและขลังเหมือนช่วงต้นทำการรัฐประหาร เข้ามาปรับทัศนะคนเห็นต่างทางการเมืองก็น่าจะยาก
โดยสถิติการจับกุมมีอัตราลดลง แต่ “การค้ายาเสพติด” เพิ่มขึ้นสูงสุดในปี 2564 จับกุมยาบ้าจำนวน 592 ล้านเม็ดและยาไอซ์ 22,126 กิโลกรัม ถือเป็น “แชมป์เอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เลยทีเดียว..
ขณะที่สถิติ “การครอบครองอาวุธปืน” ของคนไทยก็ครองแชมป์ตีคู่ไปกับยาเสพติดกว่า 10.3 ล้านกระบอก โดยปืนมีทะเบียน 7 ล้านกระบอก ไม่มีทะเบียน 6 ล้านกระบอก ซึ่งบ่งบอกถึง การซื้อง่ายใช้คล่อง ยิ่งกว่าขนม ทั้งถูกและผิดกฏหมาย ทั้งราคาถูกและราคาแพง อาวุธปืนที่ถูกกฎหมายบ้านเรานั้น
เพียงจ่ายตามธรรมเนียม 5,000 บาท ต่อรายการให้กับร้านจำหน่ายปืนหน่วยงานที่รับผิดชอบก็สามารถ “ออกใบอนุญาต” ให้มีและใช้อาวุธปืนได้อย่างสะดวกสะบายแล้ว
กับอีก “โครงการจัดหาอาวุธปืนสวัสดิการข้าราชการ” พนักงานรัฐวิสาหกิจของรัฐก็เคยมี แคตตาล็อค ออกแจกจ่าย เร่ขาย “คนทั่วไป” ด้วยราคาย่อมเยา ต่ำกว่าครึ่งราคาเต็ม ตามแต่จะเลือกขนาดหรือยี่ห้อ จนเป็น “ช่องทาง” ให้เกิดวงจรทำมาหากินได้กันเป็นล่ำเป็นสันอยู่ระยะหนึ่ง
“ประเภทอาวุธปืน” ที่ราคาแสนจะถูกก็ซื้อง่ายขายคล่องทาง “สื่อออนไลน์” แบบ “เก็บเงินปลายทาง” ส่งถึงบ้าน มีไว้ใช้ มีไว้ครอบครอง ทั้งชนิดดัดแปลงผลิตเอง แบบไทยประดิษฐ์เป็น “ปืนเถื่อน” ซึ่งส่วนใหญ่เป็น อาวุธที่ถูกนำออกมาก่อเหตุใน องค์กรอาชญากรรม ที่ไม่สามารถสืบสาวไปถึงมือ เจ้าของ แบบ อาวุธปืนมีทะเบียนได้..
ทั้งสองปมสองปัญหาปืน-ยา อาจบรรเทาลงได้ด้วยทัศนะโดย ”ผู้นำ”อาจต้อง “ปรับทัศนะ” ตัวเองเปิดรับข้อมูลฟังคนอื่นบ้าง ยอม เสียเหลี่ยม รับปมปัญหาและแก้มันด้วยความรู้และความเข้าใจโดยไร้อคติ..ก็เท่านั้นเอง.
พบกับคอลัมน์ธงนำข่าวโดย บก.พี่ลุง ได้ทุกวันพฤหัสบดี แล้วร่วมติดตามอนาคตประเทศไทยไปพร้อมกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews