“จิรายุ”ซัด”ศักดิ์สยาม” เอื้อผลประโยชน์ต่อพวกพ้อง ทุจริตรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่ากว่า 200,000 ล้านบาท เจ้าตัว แจง ดำเนินการตามมติ ครม.
นาย จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กรณีล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ว่า รัฐมนตรีบริหารราชการโดยเห็นแก่ประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องไม่คำนึงถึงความเสียหายของประเทศชาติและประชาชน เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนผูกขาด เพื่อให้ได้ดำเนินงานในกิจการของรัฐ ไม่รักษาผลประโยชน์ของรัฐ ทุจริตต่อหน้าที่ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในหน่วยงานกำกับดูแล สมคบคิดกันเพื่อปิดบังการทุจริต และไม่ยึดถือในการเป็นผู้บริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยได้มุ่งเน้นไปที่การทุจริตรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่มีมูลค่ากว่า 200,000 ล้านบาท
โดยรถไฟฟ้าสายสีส้ม มีเส้นทางจากมีนบุรี ถึง ตลิ่งชัน ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1.ช่วงมีนบุรี-ศูนย์วัฒนธรรมฯ และ 2.ช่วงมีนบุรี-ตลิ่งชัน สำหรับส่วนที่ 2 ซึ่งเป็นส่วนที่มีการทุจริตที่เป็นมหากาพย์เงินทอน เดิมพันสูง เนื่องจากมีบุคคลตัวย่อ ยอ สอ และ ออ เข้าไปเกี่ยวข้อง การล้มประมูลอย่างมีเงื่อนงำ และยังไม่มีการก่อสร้าง
ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการให้เอกชนประมูลตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 120,000 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมาได้มีการตั้งกรรมการคัดเลือกจำนวน 8 คน เกินครึ่งนึ่งเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาในกระทรวงคมนาคม
แต่เมื่อเดือน มิ.ย. 2563 คณะกรรมการได้กำหนดกฎเกณฑ์ คุณสมบัติ โดยมีเอกชนกว่า 10 ราย เข้าร่วมประมูล แต่สุดท้ายคณะกรรมการชุดนี้กลับเปลี่ยนข้อเสนอกะทันหันหลังจากที่เอกชนรายหนึ่งยื่นคัดค้าน จนทำให้เกิดการฟ้องร้องต่อศาลปกครองขึ้น
จากนั้นจึงมีคำสั่งศาลเพื่อ ให้ รฟม. ห้ามเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขจนกว่าจะมีคำสั่งอื่น ถึงกระนั้น รฟม. ก็ได้ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งในขณะนี้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่กรรมการชุดนี้ได้ล้มประมูลโดยไม่รอฟังคำพิพากษาของศาลปกครอง จึงเกิดคำถามว่า นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีการรู้เห็นเป็นใจสมคบคิดกันเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือไม่
ซึ่งเรื่องนี้จะต้องดำเนินการยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช. ) ต่อไป
“ศักดิ์สยาม”แจงปมรถไฟฟ้าสายสีส้ม ยันดำเนินการตามมติ ครม. เดินหน้าตามระเบียบ กม.-ตามหลักธรรมาภิบาล
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลุกขึ้นชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ กรณีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มว่า แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1.ส่วนตะวันออก (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี) ระยะทาง 22.5 กม. จำนวน 17 สถานี (สถานีใต้ดิน 10 สถานี และ สถานียกระดับ 7 สถานี)โดยในขณะนี้ มีความก้าวหน้า 76% คาดว่า จะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2567 เปิดให้บริการช่วง ต.ค. 2567 และ 2.ส่วนตะวันตก (ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ) ระยะทาง 13.4 กม. จำนวน 11 สถานี (สถานีใต้ดินตลอดสาย) ในขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือกเอกชน ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 และให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปี 2563 ที่ให้ดำเนินการโครงการรูปแบบ PPP Net Cost รอหาเอกชนมาร่วมลงทุน โดยคาดว่า จะเปิดให้บริการ เม.ย. 2570
ทั้งนี้ ในส่วนสายตะวันออก จะเป็นสัญญาก่อสร้างงานโยธาเป็นหลัก แต่สายตะวันตก จะรวมการเดินรถเข้าไปด้วย และหากส่วนตะวันตก ไม่สามารถดำเนินการได้ จะส่งผลให้ส่วนตะวันออก จะยังไม่เปิดให้บริการ
ขณะเดียวกัน นายศักดิ์สยาม กล่าวถึงประเด็นการคัดเลือกเอกชน ว่า ได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ พ.ศ.2562 เพื่อให้เกิดความชัดเจนตามมติ ครม.ที่อนุมัติโครงการฯ เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคม จึงได้ทำหนังหารือไปยังสำนักเลขาธิการ ครม. โดยเป็นการอนุมัติหลักการโครงการเท่านั้น
ทั้งนี้ ตนได้กำชับให้ รฟม. ดำเนินการตามระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด และตามหลักธรรมภิบาล พร้อมยืนยันด้วยว่า การดำเนินการโดยใช้ราคาและคุณภาพ เพราะเป็นเรื่องการขุดอุโมงค์ และที่ผ่านมาการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ก็มีปัญหา เรื่องสิ่งปลูกสร้างแตกร้าว เช่น มีน้ำรั่วไหลเข้าไปในสถานีสามยอด ทำให้เทคนิคการก่อสร้างมีความสำคัญ เพราะโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ต้องผ่านชุมชนหนาแน่น ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจ การค้า รวมถึงพื้นที่สำคัญอื่นๆ ส่วนการยกเลิกเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมานั้น ก็เป็นการดำเนินการตามกฎหมายที่มีการสงวนให้มีการยกเลิกได้ โดยผู้ยื่นข้อเสนอไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียได้ และได้มีการหารือสำนักนายกฯ แล้ว
“ยุทธพงศ์” ซัดนายกฯ บอกไม่รู้เรื่องต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทั้งที่เข้าครม.
ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวาระอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ใช้สิทธิพาดพิง เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีการเอ่ยชื่อตน ว่า ตนเกิดคำถามจากการชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงค่าโดยสารส่วนต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่าไม่รู้เรื่องและเรื่องนี้ไม่เคยเข้าคณะรัฐมนตรี นั้น อยากถามว่า วันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 มีเรื่องนี้เข้าวาระในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนั้น (ครม.) นายกรัฐมนตรี จะสามารถยอมรับแบบลูกผู้ชายหรือไม่ว่า ถ้า นายกรัฐมนตรี ไม่เซ็นเรื่องนี้จะเข้า ครม.หรือไม่ และวันเดียวกันนั้นนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คัดค้าน เรื่องราคารถไฟฟ้าที่ควรจะมีความเหมาะสม
ดังนั้น ตนเองได้ติดตามเรื่องนี้หลายครั้งจึงพบว่าเรื่องนี้เข้า ครม.หลายครั้งแล้ว นายกรัฐมนตรี อย่ามาบอกว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวตนเองไม่รู้เรื่อง ราคาเท่าไรก็ไม่รู้ เรื่องตอนนี้เจรจากันอยู่” นายยุทธพงศ์ ถามนายกรัฐมนตรี ด้วยเสียงเข้ม ว่า หากเรื่องนี้ไม่เข้า ครม. นายกรัฐมนตรีจะเซ็นได้อย่างไร พร้อมขอให้นายกรัฐมนตรี ออกมายืนยัน
ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นชี้แจง ว่า การทำงานของนายกรัฐมนตรี และ ครม. คำว่ารู้เรื่อง ,คำว่าอนุมัติ และการเห็นชอบ นั้น คนละเรื่องกัน และหากถามว่าตนเองรู้เรื่องไหม “ตนเองก็รู้ว่ามีการเจรจากันในเรื่องราคาแต่ทั้งหมดยังไม่ได้มีมติเห็นชอบจาก ครม. พร้อมทิ้งท้ายว่า “น่าจะจบแล้ว เพราะรัฐมนตรีเขาทำงานกันแบบนี้”
“พ.ต.อ.ทวี” จี้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง ชี้ปมรุกสมบัติแผ่นดินควรฟ้องทุกคนไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ กล่าวอภิปรายกรณีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้กระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ร่วมกันถือครองบุกรุก และพักอาศัยในพื้นที่สมบัติของแผ่นดิน หรือที่สงวนหวงห้ามที่มีไว้เพื่อประโยชน์ประชาชนโดยรวมที่รถไฟเขากระโดง จ.บุรีรัมย์
ว่า คำพิพากษาศาลฎีกาที่วินิจฉัยที่ดินทั้งแปลง ระบุว่าหลังปี 2560 สถานะของที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์ ที่สงวนหวงห้ามไว้เป็นที่รถไฟ ใครที่เข้าไปอยู่ในพื้นที่นี้จะต้องมีการขับไล่ และเพิกถอนสิทธิ์ ไม่สามารถมีใครมีเอกสารสิทธิ์ที่ดินส่วนนี้ได้ แต่บ้านพักของนายศักดิ์สยาม อยู่ในพื้นที่แห่งนี้ สิ่งที่รัฐมนตรีเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง และเป็นเรื่องสำคัญ คือทุกคนต้องถูกบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม
แต่หลังจากศาลฎีกาตัดสินแล้วการรถไฟฯ ได้ไปฟ้องให้เพิกถอนโฉนดชาวบ้าน ซึ่งศาลก็สั่งให้เพิกถอน ดังนั้น วันนี้นายศักดิ์สยาม และหน่วยงานของรัฐต้องดูแลให้มีการปฏิบัติและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ควรฟ้องทุกคนไม่ใช่ฟ้องเฉพาะคนใดคนหนึ่ง และเมื่อได้ข้อยุติแล้วจะต้องทำให้ถูกต้องตามคำพิพากษา และทำอย่างไรที่จะเอาที่ดินสงวนหวงห้ามที่เป็นที่ดินสาธารณสมบัติกลับมา ซึ่งเป็นหน้าที่ของการรถไฟฯ และรัฐมนตรีที่มีหน้าที่ต้องเอาที่ดินคืนให้การรถไฟฯ ในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม แต่กลับไม่ดำเนินการใดๆ นี่คือการกระทำที่ผิดหลักนิติรัฐ นิติธรรม และจริยธรรมนักการเมืองหรือไม่
ระหว่างการอภิปรายของ พ.ต.อ.ทวี นั้นส.ส.พรรคภูมิใจไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงการอภิปรายดังกล่าวเป็นระยะ ซึ่งพ.ต.อ.ทวี ใช้สิทธิพาดพิงโดยกล่าวตอนหนึ่งว่า “มีในบันทึกด้วยว่า พ่อชัยชิดชอบ ได้เข้าไปอยู่อาศัยในที่ดินของการรถไฟด้วย” ทำให้นายศักดิ์สยาม ลุกขึ้นกล่าวตอนหนึ่งว่า “เรื่องที่พาดพิงถึงบิดาของตนนั้น ตนไม่โกรธ แต่ไม่แน่ใจว่า ทายาทคนอื่นจะโกรธหรือไม่ หากเขาโกรธ ขอให้ พ.ต.อ.ทวีเตรียมรับหมายศาล”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news