ก้าวไกล อภิปราย ซัดกองทัพสร้าง ไอโอ ทำสังคมแตกแยก บ่ายนี้ชัดขยายเวลาอภิปรายถึงพรุ่งนี้
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ในวันนี้ตามกำหนดการเดิมจะเป็นวันสุดท้ายของการอภิปราย แต่เนื่องจากกรอบระยะเวลาการอภิปราย 3 วันที่ ผ่านมา ฝ่ายค้านได้ใช้เวลาไปเพียง 28 ชั่วโมง จากกรอบ ที่วางไว้ 42 ชั่วโมง และสิ้นสุดในคืนนี้ ทำให้ล่าสุด นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เรียกหารือ ทั้ง2 ฝ่ายบ่ายวันนี้ เพื่อกำกรอบระยะเวลา ที่ฝ่ายค้านต้องการขยายออกไป ถึงวันเสาร์ และลงมติในวันอาทิตย์ ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลพยายามต่อรองให้จบภายใน ช่วงตี 2 คืนนี้ เพื่องดประชุมวันเสาร์และไปลงมติอาทิตย์
สำหรับการอภิปรายวันนี้ เริ่มต้น ที่นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ปล่อยให้กองทัพใช้งบประมาณจำนวนมากในการสร้างปฏิบัติการทางข้อมูลข่าวสาร เพื่อตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามสร้างความขัดแย้งในสังคม หรือที่เรียกว่าปฏิบัติการ ไอโอ นอกจากนี้ ยังมีการปล่อยปละละเลยให้สื่อในกำกับของรัฐใช้พื้นที่สื่อโจมตีใส่ร้าย พรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม โดยนายณัฐชา ได้นำข้อมูลหลักฐานที่มีการสั่งการให้กลุ่มไอโอ ทวิตข้อความในลักษณะเดียวกัน เพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้าม และยังมีการเปิดเผยคลิป การจัดอบรมเพื่อการปฏิบัติการดังกล่าวด้วย
พล.อ.ชัยชาญ โต้ก้าวไกล ยันนายกฯไม่มีนโยบายไอโอให้ร้ายประชาชน รับอบรมกำลังพลจริง ให้รู้จักประชาสัมพันธ์กองทัพ
พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมลุกขึ้นชี้แจงหลัง นายณัฐชา อินไชยสวัสดิ์ ส.ส.พรรคก้าวไลก อภิปรายขบวนการไอโอกองทัพ โดยระบุ ว่า นายกรัฐมนตรี มีนโยบายสั่งการเรื่องใดเกี่ยวกับไอโอ ยืนยันว่า กระทรวงกลาโหมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ได้มีนโยบายจัดให้หน่วยหรือทหารไปกระทำตามลักษณะที่ผู้อภิปรายได้กล่าวปฏิบัติการให้ร้ายบุคคลใดก็ตาม
แต่ต้องยอมรับว่า สถานการณ์ปัจจุบันในโซเชียลมีเดียมีข้อความที่ไม่ถูกต้องที่เป็นเท็จตามที่ผู้อภิปรายได้พูดไว้ว่าก่อให้เกิดความเกลียดชังและความแตกแยก ซึ่งมีผลกระทบต่อสถาบันกระทบต่อ ความสงบเรียบร้อย กระทบต่อประเทศชาติ ซึ่งมีอยู่จริงถ้าหากเข้าไปในโซเชียลจะพบว่ามีอย่างต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้น
ส่วนการกล่าวหาว่าทหารให้ร้ายประชาชนนั้น ทหารก็คือประชาชน ประชาชนก็คือทหาร ควบคู่กันเวลาทหารแต่งเครื่องแบบอยู่ในหน่วยเมื่อกลับไปอยู่ที่บ้านก็คือประชาชน ดังนั้น สิ่งที่กองทัพธรรมจะทำยังไงให้ทหารได้เรียนรู้ได้เข้าใจถึงการพัฒนาเทคโนโลยีให้ติดตามสื่อต่างๆได้อย่างเท่าทันมีสติและการพิจารณาอย่างถูกต้องตามข้อความที่อยู่ในโซเชียลมีเดียเป็นจริงหรือถูกต้องหรือไม่ ดังนั้น จะโพสต์หรือจะส่งต่อต้องดูผลกระทบต่อความมั่นคงด้วย
ดังนั้น ยอมรับว่า จึงมีการอบรมซึ่งเปิดเผยบัญชีชื่ออย่างชัดเจนไม่เช่นนั้นหากบัญชีบัญชีปิดคงไม่มีรายชื่อ ซึ่งยืนยันว่า ไม่ได้มีการกระทำไปเพื่อให้ร้ายใคร ซึ่งการโยงไปโยงมากล่าวเหมือนมีความชำนาญเชี่ยวชาญเองมากกว่าทางกองทัพสะอีก ส่วนโครงการจิตอาสาพระราชทานก็เช่นเดียวกันมีการแสดงตัวตนที่ชัดเจนเปิดเผยจุดประสงค์การประชาสัมพันธ์เรื่องประวัติศาสตร์เรื่องของสถาบัน เรื่องของการดำเนินการที่เกี่ยวกับการพัฒนา ถ้าเข้าไปติดตามคงจะเห็นว่าการดำเนินการทั้งหมดของกองทัพ คือการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ให้ประชาชนได้เห็นว่ากองทัพมีภารกิจอะไร
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
