“เพื่อไทย” เตือน เศรษฐกิจไทยปี 66 ยังผันผวน ถ้าไม่เปลี่ยนผู้บริหารอาจทรุดหนัก ชี้ จับตา 5 ปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจ แนะ ประชาชนเลือกทางออกสำหรับประเทศ
นางสาว จุฑาพร เกตุราทร โฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย และ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต บางรัก สาทร ปทุมวัน กล่าวว่า การส่งออกของไทยในเดือนพฤศจิกายนหดตัวติดลบที่ – 6% ซึ่งเป็นการติดลบติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง หลังจากการส่งออกเดือนตุลาคมหดตัวและติดลบไป -4.4% ซึ่งคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือนไว้ก่อนแล้วว่าเป็นสัญญาณเศรษฐกิจที่ไม่ดี และแนวโน้มจะทำให้การส่งออกของไทยในปีนี้น่าจะไม่สดใส ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ จะทำให้เศรษฐกิจไทยอาจจะไม่ขยายตัวได้มากเท่าที่ควร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากยังเป็นผู้บริหารประเทศชุดเดิม เศรษฐกิจก็จะยิ่งทรุดลงได้ ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลยอมรับความจริงว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นจากที่ตกลงมาในปี 2563 ที่ -6.2% เลย เพราะปี 2564 ขยายได้ 1.5% และ ปีที่แล้ว 2565 น่าจะขยายได้เพียง 3 % กว่าเท่านั้น ซึ่งรวมกันแล้วยังไม่เท่าที่ตกลงมา ดังนั้นการที่จะอ้างว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเร็วจนธนาคารโลกชม น่าจะไม่เป็นความจริงและเข้าใจผิด เพราะเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในแดนลบมา 3 ปีติดต่อกันแล้ว ประชาชนถึงได้ลำบากกันอย่างมาก
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยย่ำแย่ลงอีกได้ โดยอยากจะขอเตือน 5 ปัจจัยเสี่ยงดังนี้
1. ปัญหาหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงจากการก่อหนี้ของรัฐบาลแล้วใช้แบบสะเปะสะปะ และ หนี้ครัวเรือนที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากรายได้ที่ลดลงของประชาชน อีกทั้งหนี้ธุรกิจที่สืบเนื่องมาจากวิกฤตไวรัสโควิด ส่งผลกระทบให้มีหนี้เสียในระบบธนาคาร และ หนี้นอกระบบมากขึ้น ซึ่งจะเป็นเหมือนระเบิดเวลาทางเศรษฐกิจ หากรัฐบาลไม่สามารถจัดการกับเรื่องหนี้เหล่านี้ได้
2. ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่จะเข้าสู่ถาวะถดถอย จากการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐเพื่อหยุดเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบไปทั้งโลก ทั้งเศรษฐกิจของ สหรัฐ ยุโรป จีน และ ญี่ปุ่น ก็จะไม่ดี ซึ่งจะทำให้การส่งออก การท่องเที่ยว และ การลงทุนของไทย ลดลงได้
4. ปัญหาเงินเฟ้อ ราคาสินค้าแพง ยังเป็นปัจจัยที่น่ากังวล และต้องจับตาให้ดี เพราะจะมีผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และ ค่าครองชีพของประชาชน
5. ปัญหาราคาพลังงาน ทั้งราคาน้ำมัน ไฟฟ้า และ ก๊าซ ที่ยังผันผวนสูง โดยคาดกันว่าราคาน้ำมันอาจจะกลับมาขึ้นสูงอีกครั้งได้ จากการที่ประเทศจีนเริ่มเปิดประเทศ ราคาไฟฟ้าที่ยังจะขึ้นอีก รวมถึงปัญหา หากศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินว่าการผลิตไฟฟ้าที่รัฐบาลให้ใบอนุญาตกับเอกชนจนล้นเกิน จนการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. ต่ำกว่า 51% จะผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากผิดกฎหมายคงต้องมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews