พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพร้อม นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนและพนักงานสอบสวนคดีตู้ห่าว นำสำนวน 67 แฟ้มกว่า 20,000 หน้าส่งมอบให้อัยการสูงสุดพิจารณามีความเห็นทางคดีสั่งฟ้องตู้ห่าวกับพวก
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า คดีนี้จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2565 เมื่อผู้บัญชาการตำรวจนครบาลซึ่งนำโดยพลตำรวจโทธิติ แสงสว่างและตำรวจฝ่ายสืบสวนของกองบังคับการตำรวจนครบาลร่วมกันเข้าตรวจค้นผับจินหลิงจนพบผู้เสพสารเสพติดซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวคนจีนคนไทยและชาติอื่นๆรวมกว่า 70 คน
จากการสืบสวนหลังเข้าตรวจค้นพบว่าผับดังกล่าว และผู้อยู่เบื้องหลังคือนายตู้ห่าวหรือนาย ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ นอกจากนี้จากการสืบสวนของตำรวจฝ่ายสืบสวนนครบาลยังพบผู้ร่วมกระทำผิดซึ่งเป็นผู้ต้องหาหลักๆได้ทั้งสิ้น 43 รายโดยแบ่งเป็นบุคคลจำนวน 38 รายและนิติบุคคลอีก 5 ราย โดยในจำนวนนี้ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 20 รายส่วนที่เหลืออีก 18 รายอยู่ระหว่างการหลบหนี ซึ่งทั้ง 18 รายเป็นบุคคลธรรมดา
โดยคดีนี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ทำหนังสือถึงอัยการสูงสุดให้พิจารณาดำเนินคดี กับตู้ห่าวและพวก ในความผิดฐานอาชญากรรมข้ามชาติ หรือคดีนอกราชอาณาจักร ต่อมาอัยการสูงสุด รับพิจารณา แล้วเห็นว่าคดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักรหรือคดีอาชญากรรมข้ามชาติจึงสั่งตั้งคณะทำงานพนักงานสอบสวนของอัยการสูงสุดขึ้นมาทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย อัยการสูงสุดรับคดีนี้เข้าสู่การสอบสวนในวันที่ 16 ธันวาคม 2565
“วันนี้ถือว่าเป็นการส่งมอบสำนวนซึ่งผมก็ได้ลงนามไปเมื่อคืนนะครับ วันนี้ก็เป็นวันที่ 13 นะครับ วันที่ส่งมอบสำนวนให้กับท่านอธิบดีอัยการยาเสพติดซึ่งเป็นตัวแทนของ อัยการสูงสุดครับ คดีนี้ก็ถือว่าท่านอัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้วเข้าข่ายเป็นคดีองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติหรือคดีนอกราชฯ ท่านได้มอบหมายซึ่งเป็นท่านเป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ ท่านได้มอบหมายให้ผมเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบร่วมกับทีมอัยการของท่านนะครับซึ่งเราร่วมกันตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมามีพนักงานสอบสวนของตำรวจเนี่ยมีอยู่ 4 กองบัญชาการ คือกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกองบัญชาการยาเสพติดนะครับซึ่ งเราได้ร่วมกันทำงานจนวันนี้ก็ได้มาสรุปสำนวนส่งท่านอัยการ มีทั้งสิ้นก็ 67 แฟ้มมี 2 หมื่นกว่าแผ่นนะครับ ซึ่งก็ถือว่าเรามั่นใจในระดับหนึ่งในการรวบรวมหลักฐานครั้งนี้นะครับ ทั้งพยานเอกสารพยานนิติวิทยาศาสตร์ต่างๆ”
ด้าน นายกุลธนิต กล่าวว่า ตลอดการทำงานเป็นหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและตำรวจนครบาลรวมถึงอีก 4 หน่วยงาน
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยังบอกอีกว่า ในคดีนี้ตำรวจสามารถ สอบปากคำพยานได้กว่า 70 ปาก นอกจากนี้ยังมีพยานหลักฐานเป็นพยานเอกสาร พยานจากนิติวิทยาศาสตร์ และวัตถุพยานอื่นๆอีกจำนวนมาก และสามารถยึดอายัดทรัพย์ได้กว่า 5,000 ล้านบาท จึงมั่นใจว่า สำนวนทั้ง 13 ลัง จะสามารถเอาผิดผู้ต้องหาทั้งหมดได้ ตามข้อกล่าวหาที่ตั้งมา
นายกุลธนิต กล่าวอีกว่า ตั้งแต่รับคดีนี้เข้าสู่อำนาจการสอบสวน วันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ตนพร้อมคณะอัยการและตำรวจ 4 หน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืนจนสามารถสอบปากคำพยานผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและรับรู้ในคดีนี้ ซึ่งสำนวนที่นำมาส่งให้อัยการสูงสุดในวันนี้ ถือว่าสิ้นสุดการสอบสวนแล้ว หลังจากนี้จะเป็นอำนาจของอัยการสูงสุดที่จะพิจารณาสำนวนเพื่อนำไปสู่ ความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา และขอยืนยันว่าคณะพนักงานสอบสวนทั้งสององค์กรไม่มีการเรียกรับสินบนในการทำคดีจับตู้ห่าว
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่คณะพนักงานสอบสวนนำสำนวน มาส่งมอบให้อัยการสูงสุด นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ซึ่งถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการตรวจสอบคดีนี้ ได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์และให้กำลังใจ คณะทำงานโดยนายชูวิทย์ ได้ยกมือไหว้ขอโทษ อธิบดีอัยการและ ผบ.ตร. ที่ตนกระทำการล่วงเกินต่อคณะทำงาน แต่ยืนยันว่า การกระทำของตน เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่มีเรื่องอื่นแอบแฝง พร้อม จะเกาะติดคดีนี้ ต่อไป
“ผมมาให้กำลังใจผมไม่มีคำถามอื่นใดครับ ผมคิดว่าในนามประชาชนอย่างผมเป็นตัวแทนก็คงจะหมดหน้าที่ในการขั้นตอนการสอบสวนทางตำรวจและทางอัยการก็ได้ดำเนินการมาถึงจุดที่สิ้นสุด นำไปสู่กระบวนการของศาลย่อมมีการต่อสู้ทางกฎหมายซึ่งเป็นเรื่องปกติ คดีนี้มีการต่อสู้ในช่วงสอบสวนค่อนข้างจะมาก ผมในนามประชาชนผมก็ขอให้กำลังใจท่าน ผบ.ตร. ท่านอธิบดีอัยการ แน่นอนครับบางอย่างผมคงจะมีการก้าวล่วงไปบ้างถ้ามีผมก็ต้องขออภัย แต่อย่างไรก็ดีผมทำในนามประชาชนไม่ได้มีผลประโยชน์อื่นใดแอบแฝง”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews