นายกฯเป็นประธานรับวัคซีนชิโนแวค “วัคซีนโควิด-19 คืนรอยยิ้มประเทศไทย” ก่อนลำเลียงไปเก็บคลังศรีเพชร
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานรับวัคซีนโควิด-19 จากประเทศจีน ภายใต้ชื่อ “วัคซีนโควิด-19 คืนรอยยิ้ม ประเทศไทย” ซึ่งขนส่งโดยเที่ยวบินขนส่งสินค้า TG675 เส้นทางปักกิ่ง-กรุงเทพฯ ถึงประเทศไทยเวลา 10.05 น. ณ เขตปลอดอากรและคลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และคลังรับรองวัคซีนโควิด-19 (คลังศรีเพชร DKSH) ถนนบางนา-ตราด กม.ที่ 19 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข, นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย เข้าร่วมพิธีด้วย ทั้งนี้ วัคซีนลอตแรกจำนวน 200,000 โดส น้ำหนัก 2.6 ตัน เป็นวัคซีนจาก บริษัท ชิโนแวค ไบโอเทค จำกัด
ทั้งนี้. พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะเดินทางเข้ารับวัคซีนจากเครื่องบิน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ลำเลียงตู้ควบคุมอุณหภูมิบรรจุวัคซีนออกจากเครื่อง และลำเลียงตู้ควบคุมอุณหภูมิบรรจุวัคซีนขึ้นรถขนส่งไปจัดเก็บยังคลังสำรองวัคซีนโควิด -19 องค์การเภสัชกรรม (คลังศรีเพชร DKSH) บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด
ขณะเดียวกันวันนี้วัคซีนจากแอสตร้าเซเนก้า จำนวน 117,000 โดส จะส่งมาถึงไทยในวันนี้เช่นกัน ส่วนแผนการกระจายวัคซีน นั้น จะส่งไปยังพื้นที่เสี่ยงทั้ง จ.สมุทรสาครและกรุงเทพฯ ที่จะฉีดให้แก่ผู้ที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป
นายกฯรับวัคชีนโควิดลอตแรก ขอบคุณจีนและทุกฝ่าย ให้กับสำคัญกับไทยในการส่งมอบตามกำหนดเวลา ขออย่าเอาวัคซีนมาเป็นปัญหาขัดแย้ง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลจีนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ทำให้ไทยได้รับวัคซีนโควิดลอตแรก ซึ่งถือว่าเป็นวันประวัติศาสตร์ ที่ได้วัคซีนโควิด-19 ลอตแรกเดินทางมาถึงประเทศไทย ซึ่งเป็นวัคซีนจาก บริษัท ชิโนแวค ไบโอเทค จำกัด หลังจากนี้ดำเนินการตามแผนการฉีดซึ่งจะเริ่มฉีดได้ในเดือนมีนาคม พร้อมขอบคุณหน่วยงานส่วนราชการที่ช่วยแก้ปัญหาให้ไปเป็นตามขั้นตอน ซึ่งการทำงานเพื่อคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศหลายล้านคน ย่อมมีปัญหา ต้องช่วยกันแก้ไขเพื่อความเข้าใจ สำหรับการฉีดจะเป็นไปตามแผนงานโดยจะเน้นพื้นที่และกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูง ยืนยันวัคซีนได้มีการทดสอบคุณภาพมาแล้ว แต่จะต้องมีการดูแลเรื่องการขนย้ายว่ามีปัญหาหรือไม่
นอกจากนี้ นายกฯยังเปิดเผยด้วยว่า เป็นข่าวดี ที่วันนี้ไทยได้รับวัคซีน แอสตร้าชิเนก้า จึงไม่อยากนำปัญหาวัคซีนมาเป็นปัญหาความขัดแย้ง อยากให้มีความเป็นหนึ่งเดียวในการแก้ปัญหา ส่วนเรื่องที่ภาคเอกชนจะนำวัคซีนเข้ามาเอง ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ และอยากให้ทุกฝ่ายร่วมสร้างรอยยิ้ม รวมกันแก้ปัญหา ร่วมไทยสร้างชาติ และร่วมมือกันทำให้อาเซียนปลอดภัยจากโควิด และถึงแม้จะได้รับวัคซีนอย่าลืมที่จะป้องกันตนเอง ด้วยการสวมใส่หน้ากาก ตามมาตรการป้องกันของกระทรวงสาธารณสุข
“อนุทิน” โว ไทยมีวัคซีนโควิด มากสุดในอาเซียน ขณะ จีน ยืนยัน ไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีการสั่งซื้อวัคซีนจากจีน
ทันทีที่เครื่องบินขนส่งวัคซีนโควิด-19 ลงจอดที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่ได้ถูกลำเลียงวัคซีนทั้งหมดมาเก็บรักษาไว้ที่คลังของบริษัท DKSH ประเทศไทย จำกัด ห่างจากสนามบินประมาณ 20 กิโลเมตร โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมทัมแพทย์ เป็นตัวแทน เข้าไปตรวจสอบวัคซีนในห้องรักษาอุณภูมิ
ทั้งนี้ นายอนุทิน เปิดเผยว่า วันนี้เป็นลอตแรกที่เดินทางเข้ามาถึงประเทศไทยตามสัญญากับ บริษัทชิโนแวค ไบโอเทค จำกัด และในเดือนมีนาคมจะเดินทางมาถึงไทยอีก 8 แสนโดส และในเดือนเมษนายน อีก 1 ล้านโดส โดยยืนยันว่า รัฐบาลเร่งการจัดหาวัคซีนเพื่อควบคุมการระบาดให้ได้รวดเร็วที่สุด ไม่ได้มีความล่าช้า และขณะนี้ประเทศไทยถือว่ามีวัคซีนโควิด-19 มากที่สุดในเอเชีย
ทั้งนี้ ในส่วนเรื่องของการกระจายวัคซีน ทางคณะอนุกรรมการบริหารจัดการวัคซีน เป็นผู้บริหารจัดการ ขณะที่การนำเข้าวัคซีนจากบริษัทแอสตราเซเนกาที่จะเดินทางมาถึงประเทศไทยในช่วงบ่ายวันนี้ นายอนุทินไม่สามารถระบุประเทศต้นทางได้ แต่จะเดินทางมาถึงในช่วงบ่ายวันนี้ จำนวน 1 แสนโดส และถูกนำมาเก็บไว้ที่โกดังสินค้าของบริษัท dksh ประเทศไทย จำกัด เช่นกัน
ขณะที่นายหยาง ซิน ตัวแทนเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศแรก ในอาเซียน ที่ได้ทำการสั่งซื้อวัคซีนจากประเทศจีน นอกจากนี้ประเทศจีนมีวัคซีน อีก 16 ชนิด ที่กำลังทำการทดลองในมนุษย์ และมี 2 ยี่ห้อที่ขึ้นทะเบียนกับ อย. ประเทศจีนแล้ว ซึ่งจีนได้บริจาควัคซีนให้กับ 13 ประเทศ และมี 22 ประเทศ ที่กำลังคอยการนำเข้า วัคซีนจากประเทศจีนเพื่อไปใช้ในการป้องกันโรคโควิด 19
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news