‘ไทยศรีวิไลย์’ ลุย ‘อีสาน’ ประเดิม ‘มหาสารคาม’ เป็นที่แรก พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 2 เขต – ‘มงคลกิตติ์’ ชูนโยบายปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม หวังวลี ‘คุกมีไว้ขังคนจน’ หมดไป อัด ‘รัฐบาล’ ลนลานออก พ.ร.ก. แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานฯ
ทั้งๆ ที่หน่วยงานที่รับผิดชอบยังไม่มีความพร้อม ลั่นเตรียมถามกระทู้ฯ หลังมีสภาชุดใหม่ – ประกาศถ้าอยากให้ ‘ลุงตู่’ ออกไป ต้องเลือกไทยศรีวิไลย์ ย้ำพร้อมเป็นนายกฯ ของคนมหาสารคามและคนไทยทั้งประเทศ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พลโท อัศวิน รัชฎานนท์และนายวิวัฒน์ เจริญพาณิชย์ศิริ รองหัวหน้าพรรค นายศยุน ชัยปัญญา เลขาธิการพรรคฯ,นายสรกฤช จันทรคณา โฆษกพรรค,
นางสาวอริญรดา สาระชัย นายทะเบียนพรรค,นางสาวณัฐปภัสร์ วรธันย์ผาสุข รองโฆษกพรรค ,นางสาวกฤษยากร สรชัย ผู้ช่วยเหรัญญิกพรรค,นายอนุรักษ์ อมรเมตตาจิตต์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรค,นายอดิศร สังข์จันทร์ , นายอนวรรช ศรีคำเงิน กรรมการบริหารพรรค ดร.กฤตภาส คงคาพิสุทธิ์ ประธานยุทธศาสตร์ด้านพลังงานพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ลงพื้นที่ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม โดยนายมงคลกิตติ์และคณะ ได้เข้าร่วมการประชุมตั้งตัวแทนพรรคไทยศรีวิไลย์ ประจำ จ.มหาสารคาม
โดยที่ประชุมได้คัดเลือก นางสาววิสุดา แสงบัวท้าว เป็นตัวแทนพรรคฯ ประจำจังหวัดมหาสารคาม ต่อมา พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้เปิดปราศรัยใหญ่ ณ วัดบ้านดอยกลอย ต.หัวขวาง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม เพื่อเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. มหาสารคาม ของพรรคฯ คือ นายอดิศักดิ์ พาลเพ็ง เขต 1 (อ.เมือง) และ นายธนพงษ์ วังสพรรณ์ เขต 5 (อ.โกสุมพิสัย , อ.กุดรัง, อ. กันทรวิชัย) โดยมีประชาชนชาว จ.มหาสารคาม มาร่วมรับฟังการปราศรัยกว่า 1,000 คน
นายมงคลกิตติ์ กล่าวปราศรัยว่า ตนขอขอบคุณสมาชิกพรรคและประชาชนในหลายๆ จังหวัดทั่วประเทศ ที่ได้พยายามจัดตั้งตัวแทนพรรคไทยศรีวิไลย์ประจำจังหวัดต่างๆ เพื่อให้สามารถหาสมาชิกพรรคฯ ที่ดีที่สุด เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ ซึ่งที่ผ่านมา พรรคไทยศรีวิไลย์ได้เดินหน้าหาสมาชิกพรรคและขอเสียงสนับสนุนจากประชาชนตามหลักการ ‘ไม่ยุบ ไม่รวม ไม่ดูด ไม่ซื้อ’ โดยได้รับการตอบรับจากประชาชนที่รักประชาธิปไตยเป็นอย่างดี ทั้งนี้ เรื่องหนึ่งที่ตนและพรรคไทยศรีวิไลย์ให้ความสำคัญมาโดยตลอด
นั่นก็คือ การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เพราะมีหลายตัวอย่างที่เกิดจากปัญหาในกระบวนการยุติธรรมปัจจุบัน รวมทั้งการที่รีบร้อนออกพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ทั้งๆ ที่หน่วยงานที่รับผิดชอบยังไม่มีความพร้อม ขาดงบประมาณในการจัดซื้อเครื่องมือที่สำคัญตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว รวมทั้งยังเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้ตำรวจหลายๆ คนอาจจะต้องโดนคดีอาญาและโทษทางวินัยอีกด้วย จึงทำให้รัฐบาลลนลานถึงกับต้องรีบออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาแบบซื้อเวลาไปก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจกับประชาชนในการอำนวยความยุติธรรมและยังสร้างความหวาดกลัวให้ประชาชนทั่วไปอีกด้วย
ดังนั้น นโยบายปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมของพรรคไทยศรีวิไลย์ จะทำให้ประชาชนทั่วไปมีความสบายใจมากยิ่งขึ้น คนที่บริสุทธิ์จะได้รับความคุ้มครองเป็นอย่างดี คนร้ายจะต้องหวาดกลัวไม่คิดที่จะกระทำผิด รวมทั้งวลีที่เป็นอมตะว่า ‘คุกมีไว้ขังคนจน’ นั้น จะหมดไป เพราะจะทำให้คุกเป็นที่ขังสำหรับคนที่ทำผิดกฎหมายไม่ว่าจะรวยหรือมีเส้นสายขนาดไหนก็ตาม โดยแนวทางการปฏิรูปกระบวนยุติธรรมของพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้มีการดำเนินการมาแล้ว เช่น ร่าง พ.ร.บ.สอบสวนคดีอาญา พ.ศ. ….
โดยจะเปิดโอกาสให้การสืบสวนสอบสวน ระหว่างอัยการกับตำรวจนั้น ได้เริ่มกระบวนการสอบสวนตั้งแต่จุดเริ่มต้นร่วมกัน ในคดีที่มีความสลับซับซ้อน และมีอัตราโทษสูงตั้งแต่โทษจำคุกเกิน 10 ปี ขึ้นไป ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพิจารณาความอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ. … เพื่อป้องกันการฮั้วคดีความ โดยอนุญาตให้ สามีหรือภริยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส พี่น้องร่วมบิดามารดา หรือพี่น้องร่วมบิดาหรือมารดาสามารถเป็นผู้เสียหายได้ และจัดตั้งสำนักงานทนายแห่งรัฐ โดยมีหน้าที่รับว่าความทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
เพื่อเป็นการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนทั่วไปที่มีฐานะยากจนหรือไม่สามารถจัดหาทนายในการต่อสู้คดีได้ รวมทั้งพรรคไทยศรีวิไลย์จะได้มีการตั้งกระทู้ถามถึงความคืบหน้าในการจัดสรรงบประมาณในการซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือสำหรับการป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์ทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ เพราะเป็นเรื่องที่กระทบกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่รับรองโดยรัฐธรรมนูญฯ และถือเป็นเรื่องสามัญสำนึกที่ตัวแทนของปวงชนชาวไทยจะต้องปกป้องผู้ที่มีอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง
“ผมเชื่อว่า พรรคการเมืองที่ดีจะต้องฟังเสียงประชาชน ผมก็เลยอยากจะถามว่า ในเวลานี้ ประชาชนต้องการให้พรรคไทยศรีวิไลย์ทำอะไรมากที่สุด บางคนก็บอกว่า ต้องกำจัดคนชั่วออกไปก่อน บางคนก็บอกว่า จะต้องดูแลประชาชนก่อน ผมอยากจะบอกว่า 2 เรื่องแรกนั้น พรรคไทยศรีวิไลย์ทำแน่นอน เพราะนโยบายของพรรคฯ เน้นกำจัดคนพาล อภิบาลคนดี ประชาชนทุกคนมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นการเอาผลประโยชน์จากธุรกิจผิดกฎหมายมาแปรสภาพเป็นเงินที่มาดูแลพี่น้องประชาชนกลุ่มเปราะบาง โดยถือเป็นการบีบบังคับพวกธุรกิจผิดกฎหมายให้อยู่อย่างลำบากมากที่สุด เพื่อหวังว่า ปัญหาเหล่านี้จะลดน้อยลง การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีสิทธิเท่าเทียมกันทางกระบวนการยุติธรรมอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตั้งสำนักงานทนายแห่งรัฐขึ้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนทั่วไปที่มีความรู้ทางกฎหมายน้อย และไม่มีเงินจ้างทนายมาต่อสู้คดีได้
ซึ่งจะทำให้วลี ‘คุกมีไว้ขังคนจน’ หายออกไปจากสังคมไทย พร้อมทั้งผมยังได้เสนอนโยบายหลักประกันคนไทยเสียชีวิตทุกโรค 500,000 บาท รัฐบาลรับประกัน จะได้ไม่เดือดร้อนคนข้างหลัง โดยที่ผ่านมาจะสังเกตว่าช่วงโควิด คนถือบัตรสวัสดิการหรือบัตรคนจน 20 ล้านคน เวลาตายไม่มีเงินค่าโลงศพ ไม่มีเงินค่าปลงศพ หรือแม้กระทั่งไม่มีเงินค่าน้ำมันในการเผาศพ ซึ่งถือว่าน่าอนาถใจมาก และนโยบายนี้จะใช้เงินประมาณปีละ 250,000 ล้านบาท โดยเงินส่วนนี้ไม่ต้องไปกู้เงินสร้างหนี้ให้ประเทศใหม่ แต่จะใช้ออกกฎหมายการพนันเปิดเป็นใบอนุญาต เราจะได้ค่าภาษีจากการพนันที่ชอบด้วยกฎหมาย และรวมรายได้จากการท่อง
เที่ยวก็พอดีกับเงินค่าประกันกับชีวิตทุกชีวิตของพี่น้องประชาชน และประชาชนจะมีความสุขกับการที่พรรคไทยศรีวิไลย์ได้ลงทำนโยบายต่างๆ ตามที่ปรากฏในโบร์ชัวร์ที่ผมแจกไว้ให้ประชาชนแต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ประชาชนที่นี่อยากให้พรรคไทยศรีวิไลย์ทำมากที่สุดก็คือ การเอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกไปจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ซึ่งผมบอกว่า ถ้าอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ออกไป ก็ต้องเลือกพรรคไทยศรีวิไลย์ เพราะยังไงผมก็พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีของคนมหาสารคาม และคนไทยทั้งประเทศด้วย ท้ายนี้ตนอยากฝากบอกทุกพรรคการเมืองว่า นโยบายที่ออกจากตนห้ามลอกเลียนแบบเด็ดขาด ใครลอกตนจะไปด่าถึงหน้าสำนักงานพรรคเลย และจากนี้หากประชาชนเห็นด้วยถึงนโยบายและต้องการให้ตนและพรรคเข้าไปดูแล สามารถเลือกพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ทั้งระบบ สส.เขต ซึ่งตนพยายามจะส่งให้ครบทุกเขตทั่วไทย ในส่วนของบัญชีรายชื่อ
พี่น้องเลือกได้ทุกเขตพื้นที่ ถ้าประเทศไทยมี 22 ล้านครัวเรือน ขอโอกาสครัวเรือนละ 1 คะแนนเลือกเรา ก็สามารถขึ้นเป็นพรรคเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ และเมื่อนั้นนโยบายประกันชีวิตคนไทยได้ 5 แสนบาทต่อหนึ่งชีวิต นโยบายผู้สูงอายุได้ 5,000 บาทต่อเดือน ลดราคาน้ำมันลิตรละ 10 บาท หรือเพิ่มเงินให้ อสม.และอพปร. เดือนละ 3,000 ก็จะเป็นจริงได้แน่นอน” นายมงคลกิตติ์กล่าว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews