Home
|
ทั่วไป

ซีเซียม-137 คืออะไร อันตรายแค่ไหนหากสัมผัส

Featured Image

          จากเหตุการณ์เหล็กบรรจุซีเซียม-137 หายเมื่อต้นเดือนมีนาคม คาดว่าจะได้รับบการหลอมและสร้างอันตรายต่อผู้คนบริเวณใกล้เคียงไปแล้ว โดย ณ วันที่ 20 มี.ค. สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เผยว่า เหล็กเปื้อนซีเซียม-137 ที่สูญหายในโรงงานไฟฟ้าที่ จ.ปราจีนบุรี ถูกหลอมไปแล้วกว่า 3 อาทิตย์ ทั้งนี้กล่าวว่าเป็นการหลอมระบบปิด และยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อประชาชนระแวกใกล้เคียง

ซีเซียม-137 คืออะไร 

          ซีเซียม-137 (Cs-137) คือ สารกัมมันตรังสี ซึ่งเป็นผลผลิตฟิชชันที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชัน (Nuclear Fission)  ซีเซียม-137 มีครึ่งชีวิต 30.17 ปี ทั้งแบบเสถียรและไม่เสถียร มักใช้ในงานทางด้านอุตสาหกรรม พบในฝุ่นกัมมันตรังสีที่เป็นสารเปรอะเปื้อนในสิ่งแวดล้อม 

          ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2403 โดย กุสตาฟ เคอร์ชอฟฟ์ และ โรเบิร์ต บุชเซน ส่วนสารอย่างซีเซียม-137 เป็นตัวที่ใช้ในเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ถูกนำมาใช้ทำอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องวัดระดับ วัดความชื้นและความหนาแน่น ที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง เครื่องหยั่งธรณี ที่ใช้ในการขุดเจาะพื้นดินต่าง ๆ ในทางการแพทย์ถูกใช้บำบัดมะเร็ง 

 

อันตรายของ ซีเซียม-137

          โดยปกติจะใช้ในด้านอุตสาหกรรม แต่หากเกิดการหลอมเผาไหม้และกลายเป็นไอ จะสามารถกระจายกัมมันตภาพไปได้กว่าพันกิโลเมตร โดยสามารถทำร้ายสิ่งมีชีวิตได้ทั้งคนและสัตว์ ผ่านการใกล้ชิดกับสาร เช่น การกิน การหายใจ โดยเฉพาะในบริเวณที่มีการเปรอะเปื้อนสารนี้ 

          อย่างภัยพิบัติเชอร์โนบิล (Chernobyl) ปี 1986 การระเบิดของเตาปฏิกรณ์ที่ 4 ทำให้สารกัมมันตรังสีแผ่กระจายออกไปกว่า 1,000 กิโลเมตร (620 ไมล์) หรืออุบัติเหตุ เอเซอริน็อกซ์ (Acerinox accident) ปี 1988  ที่สารซีเซียม-137 หลุดเข้าไปอยู่ในโรงงนาแปรรูปเศษเหล็กและถูกหลอมในเตาเผาจนเกิดเมฆกัมมันตรังสี radioactive cloud 

          โดยซีเซียม-137 ที่ถูกหลอมจะสามารถทำปฏิกิริยากับน้ำและกลายเป็นซีเซียมไฮดรอกไซด์ (caesium hydroxide) เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเม็ดเลือดขาวและไทรอยด์ หรือหากได้รับปริมาณมาก ๆ จะทำให้ผิวหนังไหม้อย่างรุนแรง จนนำไปสู่การเสียชีวิตได้ แต่ขนาดความรุนแรงก็ขึ้นอยู่กับการได้รับรังสีตามปัจจัยต่าง ๆ ผลกระทบต่อสุขภาพจากสารซีเซียม-137 ขึ้นอยู่กับปริมาณ ความแรงต้นกำเนิด ระยะทาง และระยะเวลาที่ได้รับ

วิธีป้องกันซีเซียม-137 

          โดยปกติแล้วสารซีเซียม-137 ที่มีการปนเปื้อนในอากาศเราแทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้รับ แต่หากการแพร่กระจายของซีเซียมนั้นไม่ได้อยู่ในบริเวณใกล้เคียงและมีปริมาณมาก การที่จะบาดเจ็บสาหัสหรือมีอาการจากซีเซียม-137 จึงเป็นไปได้ยาก

          อีกทั้งการตรวจสอบสารกัมมันตรังสีไม่สามารถมองได้ด้วยตาหรือสัมผัสได้ด้วยกลิ่น แต่ต้องใช้เครื่องมือในการตรวจผ่านปัสสาวะ แต่สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ด้วยยาปรัสเซียนบลู (Prussian blue) มีวัตถุประสงค์เฉพาะทางการแพทย์คือ ใช้เป็นยาต้านพิษไอโซโทปรังสีของซีเซียมและแทลเลียม หรือเรียกง่าย ๆ ว่ายาแก้พิษจากโลหะโดยจะช่วยขับสารซีเซียม-137 นี้ออกจากร่างกายเราไปได้

          สถานการณ์ตอนนี้อยู่ในการตรวจสอบและเฝ้าระวังสุขภาพของประชาชนบริเวณใกล้เคียง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกล่าวไว้จะดูแลหลัก ๆ 3 กลุ่มคือ 

  • กลุ่มผิวหนัง เนื้อเยื่อ อาการจะมีตั้งแต่ตุ่มน้ำใส  เนื้อตาย เป็นต้น 
  • กลุ่มผู้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ 
  • กลุ่มอื่นๆ 

          สารซีเซียม-137 เป็นสารที่มีครึ่งชีวิตอยู่ที่ 30 ปี ไม่ว่าจะเป็นในร่างกายของคนหรือสิ่งแวดล้อม จึงมีความสำคัญที่เราต้องมีการตรวจติดตามต่อเนื่อง 

          หากสัมผัสหรืออยู่ในบริเวณที่มีการแพร่กระจายของสารกัมมันตรังสี ให้รีบพบเจ้าหน้าที่เพื่อแจ้งอาการและรักษาตามอาการให้ไวที่สุด และหลีกเลี่ยงด้วยตัวเองได้โดยการอพยพออกจากพื้นที่นั้น ๆ งดการสัมผัสหรือสูดดมบริเวณที่มีสารเปรอะเปื้อน ช่วยลดความเสี่ยงในการสูดดมและมีสารตกค้างในร่างกายได้ 

ขอบคุณข้อมูลจาก

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สมาคมนิวเคลียร์แห่งประเทศไทย

สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ

FB: Somros MD Phonglamai

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube