ว่ากันว่าช่วงก่อนการเลือกตั้ง เป็นช่วงที่ประชาชนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงจะเนื้อหอมที่สุด แต่ละพรรคการเมืองต้องการซื้อใจคนกลุ่มใดก็จัดทำนโยบายหาเสียงเอาใจคนกลุ่มนั้น หวังซื้อใจได้คะแนนเสียงชนะการเลือกตั้ง
นโยบายมาแรงช่วงนี้จึงหนีไม่พ้นประชานิยม ซื้อใจประชาชนซึ่งถือว่าคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ ลด แลก แจก แถม เพิ่มเงินในกระเป๋าจึงเกิดขึ้น แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ยังมีคนอีกหนึ่งกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อพรรคการเมืองนั่นคือภาคธุรกิจ ซื้อใจระยะสั้นหวังผลระยะยาว นโยบายหลายอย่าง พุ่งเป้าเอาใจพ่อค้า และที่เป็นนโยบายสำคัญ ตรงกับความต้องการมากที่สุด และเป็นข้อเรียกร้องของภาคเอกชนมาโดยตลอด นั่นคือนโยบายการลดต้นทุนค่ากระแสไฟฟ้า เพราะไม่ว่าภาคธุรกิจรายเล็กรายใหญ่หรือแม้แต่ภาคประชาชนก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน
ล่าสุด นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งเปิดตัวเป็น 1 ในทีมเศรษฐกิจของพรรค “รวมไทยสร้างชาติ” ทำงานร่วมกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีอีกครั้ง มีนโยบายด้านเศรษฐกิจไม่เน้นการให้ในลักษณะเหวี่ยงแหแต่จะให้แบบมุ่งเป้าสำหรับกลุ่มที่จำเป็น พร้อมสานต่อในสิ่งที่ทำมาแล้ว
โดยเฉพาะนโยบายด้านพลังงาน การปรับลดค่ากระแสไฟฟ้าให้กับภาคธุรกิจ โดยในรอบเดือน พ.ค.-ส.ค.66 ค่า ft จะเหลืออัตราเดียวทั้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม จากเดิมที่ใช้ค่าไฟฟ้า 2 อัตรา คือสำหรับครัวเรือนอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย และภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ 5.33 บาทต่อหน่วย ซึ่งภาคธุรกิจได้รับการดูแลแต่ภาคประชาชนอาจต้องปาดน้ำตา
ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุรี รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรค”ไทยสร้างไทย” บอกว่า เพราะเคยเป็นภาคเอกชนมาก่อน รู้ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี ต้นทุนผู้ประกอบการ โดยเฉพาะค่ากระแสไฟฟ้าเวลานี้ โครงสร้างผิดเพี้ยน พรรคจึงมีนโยบายดูแลค่าไฟฟ้า ให้ปรับลดลงเหลือ 3.50 บาทต่อหน่วย ซึ่งมั่นใจว่าทำได้ และจะทำทันทีหากชนะการเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาล เพราะรู้ดีว่าภาคธุรกิจเวลานี้ถือว่าย่ำแย่จากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นแบบไม่ควรจะเป็น
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค”ชาติพัฒนากล้า” บอกว่า การที่คณะกรรมการ กกพ. ประกาศค่า ft งวดเดือน พ.ค. – ส.ค. 2566 เป็นอัตราเดียวที่ 4.77 บาทต่อหน่วยนั้น ทำให้ค่าไฟฟ้าภาคประชาชนปรับขึ้น ร้อยละ 1 ขณะที่ภาคธุรกิจค่าไฟฟ้าปรับลดลง ร้อยละ 11 มองเห็นถึงความไม่เป็นธรรมต่อประชาชน ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ เพราะในช่วงเดือน เม.ย. – พ.ค. ภาคครัวเรือนช่วงหน้าร้อนการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นแน่
จึงเป็นจังหวะที่ไม่เหมาะสมหากจะมีการปรับค่าไฟฟ้าเพิ่มภาระของภาคประชาชน รัฐบาลควรหาวิธีการคำนวณค่ากระแสไฟฟ้ารวมถึงพลังงานอื่นๆ ใหม่ทั้งหมด จะซื้อใจใครคนกลุ่มไหน คงต้องคิดก่อน จังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อ เอาใจภาคธุรกิจแต่แทงใจประชาชน ได้คุ้มเสียหรือไม่ ยังมีเวลาให้พรรคการเมืองได้ทบทวนอีกครั้ง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
