ดาต้าบียอนด์ (Databeyond) เปิดตัวเครื่องคัดแยกด้วยแสงสมรรถนะสูง ซึ่งอาศัยเทคโนโลยีเอ็มเอสดับเบิลยูดาต้าเบส (MSWDataBase) และเทคโนโลยีโครงข่ายประสาทเทียมระดับลึก รวมถึงเทคโนโลยีคัดกรองด้วยแสงประเภทต่าง ๆ เช่น NIR, IR, ไฮเปอร์สเปกตรัม, ฟลูออเรสเซนต์ และเอ็กซ์เรย์
เทคโนโลยีจากพลังปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ได้เข้ามาจุดกระแสในวงการรีไซเคิล เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการคัดแยกขยะได้เป็นอย่างมาก ด้วย”มือ-ตา-สมองกลพลังปัญญาประดิษฐ์” ที่จำแนกประเภทของขยะอย่างแม่นยำรวมทั้งภาพของขยะทุกชิ้นที่ถังขยะได้รับและจำแนกประเภทแล้วถูกอัปโหลดไปยังดาต้าบียอนด์ คลาวด์ (Databeyond Cloud) ทำให้ข้อมูลใช้ฝึกอบรมและเรียนรู้ด้วยตนเอง ทำให้การแยกประเภทขยะจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะถังขยะจะฉลาดขึ้นเมื่อได้ขยะใหม่มาแต่ละชิ้น
นอกจากนี้ ดาต้าบียอนด์ได้พัฒนาเครื่องรับซื้อขวดพลาสติกรีไซเคิลอัจฉริยะ (Smart Plastic Bottle RVM) ร่วมกับยูนิลีเวอร์ (Unilever) ซึ่งเปิดตัวที่ “มหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติของจีน ครั้งที่ 3” และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในคลังกรณีศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติด้วย
ทั้งนี้ ดาต้าบียอนด์ได้สร้างโรงงานมืดเพื่อนำพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ (Dark Factory Of Plastic Recovery) ในจีน ซึ่งแปรรูปขวด PET ใช้แล้วได้ 60 ตันในกะเดียว ทั้งโรงงานใช้พนักงานคัดแยกเพียง 6 คน และมีสิ่งแปลกปลอมไม่ถึง 5ppm
ดาต้าบียอนด์ยังได้พัฒนาโซลูชันคัดแยกขยะมูลฝอยชุมชน (MSW) แบบครบวงจรให้กับกรมคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของฮ่องกง โครงการดังกล่าวได้จัดทำระบบบริหารจัดการดิจิทัลสำหรับภาครัฐในการสำรวจขยะ โดยแยกประเภทขยะออกเป็น 19 ประเภท
ดาต้าบียอนด์ได้พัฒนาโซลูชันจัดการขยะแบบสายธารครั้งเดียว (single-stream) ในจังหวัดไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น โดยดาต้าบียอนด์ให้บริการออกแบบข้อเสนอในลักษณะ 3 มิติ ทั้งยังได้วิจัยและพัฒนาอุปกรณ์หลัก การติดตั้งในสถานที่ และระบบการจัดการดิจิทัลทั้งโรงงานให้ลูกค้า ซึ่งนอกจากดาต้าบียอนด์จะตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าได้แล้ว ยังอัปเกรดโหมดการทำงานให้เป็นอัตโนมัติ 100% ด้วย
ที่ผ่านมา ดาต้าบียอนด์ (Databeyond) ได้ให้บริการแก่บริษัทรีไซเคิลมากกว่า 400 แห่งทั่วโลก และได้รับสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาทางเทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรแล้วกว่า 280 รายการ เครื่องคัดแยกด้วยแสงพลังปัญญาประดิษฐ์ที่บริษัทได้พัฒนานี้ ถูกส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น ญี่ปุ่น รัสเซีย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย
