อ่านหน้าไพ่การเมืองหน้าร้อนช่วงค่าไฟพุ่งเข้าโค้งสุดท้ายแห่งความเข้มข้น เพิ่มชัดเจนทวีความดุดันมากยิ่งขึ้น ก่อนวันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม ทิศทางและแนวโน้มการเมืองเริ่มเห็นเค้าลางความน่าจะเป็นตามหลักสถิติได้สูงมาก
หากแต่เกมใน สมการคณิตศาสตร์การเมือง บนกระดานโจทย์ ตามที่คสช.โดย “ซือแป๋มีชัย ฤชุพันธุ์”บรรจงร่างรัฐธรรมนูญ ผูกเงื่อนซ่อนปมโยงไว้กับ ฝ่ายอำนาจเก่า หรือ ฝ่ายอนุรักษ์3ป. ซึ่งแก้ยาก รัฐธรรมนูญฉบับปี 62 กำหนดเงื่อนไข ให้ใช้ เวทีรัฐสภา ที่ฝั่งตัวเองได้เปรียบเลือกตัว “นายกรัฐมนตรีคนที่30” มาจาก รายชื่อแคนดิเดตของพรรคการเมือง โดยกำหนดให้มี คะแนนเสียงสนับสนุน เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้ง 2 สภา(สภาผู้แทนฯ 500 วุฒิสภา 250 คน) หรือ 376 เสียงจากจำนวนทั้งหมด 750 คนหรือเท่าที่มีอยู่
สมมติฐาน ความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงตาม ผลสำรวจความนิยม ของแต่ละ สำนักโพล ประชาชนผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งปัจจุบัน และ วันลงคะแนนเสียงพรรคการเมืองฝั่งประชาธิปไตยน่าจะได้เสียงข้างมากหรือเสียงเกินกึ่งหนึ่งหรือเกิน 250 เสียงในสภาผู้แทนฯค่อนข้างแน่ โดย พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคไทยสร้างไทย หรือพรรคอื่นๆที่ยังไม่ถูกปฏิเสธโดยจุดยืนทางการเมืองอย่าง พรรคภูมิใจไทย หรือพรรคประชาธิปัตย์
หากแต่กระบวนการขั้นตอนก่อนจะเลือกตัวนายกฯต้องผ่านขั้นตอนการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจาก คณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.)ให้ได้เกิน 95% หรือ 475 คนของจำนวนส.ส. 500 คน ก่อนจะเรียกประชุมสภาผู้แทนฯนัดแรกเพื่อเลือกประธานสภาฯหรือว่าที่ประธานรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ..
มองตามสมการคณิตศาสตร์ธรรมดาๆ ประธานสภาผู้แทนฯมาจากเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯอยู่แล้วซึ่งนัยยะน่าจะหมายความถึงความลงตัวในตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรีคนที่ 30” ด้วยเสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภาผู้แทนฯเป็นการันตี หากแต่ สมการการเมือง ไม่ได้เป็น โจทย์คณิตศาสตร์ขั้นพื้นฐาน ที่ร่ำเรียนกันมาอย่างตรงไปตรงมา กลับมีเงื่อนไขการผูกมัดเชื่อมโยงมาจากปมในรัฐธรรมนูญที่มีบางฝ่ายตรงข้ามบรรจงสร้างขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของขั้วผู้มีอำนาจเดิม..
เสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภาผู้แทนฯ อาจมิได้เป็น คำตอบสุดท้าย ของ ผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ที่จะเข้าไปเป็นประมุขฝ่ายบริหาร ฟอร์มทีมรัฐบาลฝั่งประชาธิปไตย หากแต่ยังไม่ได้รับการสนับสนุนเสียง เกินกึ่งหนึ่ง ในรัฐสภา หรือจาก สมาชิกวุฒิสภา ที่มาจากการแต่งตั้งของฝ่ายตรงข้ามด้วย ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า นายกฯเสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภาผู้แทนฯจะแบเบอร์ได้เป็นผู้นำประเทศได้ ด้วยเหตุ อีกขั้วการเมือง ไม่ยินยอมที่จะมอบฉันทามติของประชาชนซึ่งเป็นส.ส.มาจากการเลือกตั้ง โดยอ้างเสียงเกินกึ่งหนึ่งรวม สว.ลากตั้ง ด้วย
หากเส้นทางการเมืองกำลังจะเดินเข้าเกมเยี่ยงนี้ประเทศไทย ฤาจะมี “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ในสภาผู้แทนฯโดย ฝั่งตรงข้าม หรือ ขั้วอำนาจเก่า ได้แต่เป็น รัฐบาลเสียงข้างมากในเวทีรัฐสภา ก่อนที่จะ ล้มกระดาน จบลงแบบดื้อๆหลังแถลงนโยบายและถูกเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจคว่ำในการประชุมสภาผู้แทนฯสมัยแรก หรือหากเกิดเหตุ เกินคาด มี งูเห่า ในพรรคฝั่งประชาธิปไตย แปรพักตร์ เข้าสนับสนุน ฝ่ายอนุรักษ์นิยม ได้เสียงมากพอด้วยที่ยังมีบางพรรคไม่ยืนหยัดในจุดยืนอย่าง ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ที่พร้อมจะ กินรวบ จับมือกับทุกขั้วเสียงข้างมาก เฉกเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในสมัยรัฐบาล ”ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา..
ทั้งหมดทั้งมวลเป็นบริบททางการเมืองซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ ภายใต้ความศรัทธาในอุดมคติหรือผลประโยชน์ทางการเมือง ที่ไม่เหมือนกัน การปกครองระบอบบประชาธิปไตย ไม่ใช่เป็นระบบการปกครองที่ดีที่สุด หากแต่เป็นการปกครองที่เลวน้อยที่สุด เป็นระบอบที่ “ผู้นำ” มาจากความยินยอมของ ประชาชน ผ่านการเลือกตั้ง เข้าสู่อำนาจโดยสันติ และ เปลี่ยนผู้นำโดยสันติ
ตรงข้ามหากความเชื่อของอีกฝ่าย นำพาเกมการเมืองเดินมาถึงจุดนั้นจริงๆ การยุบสภาผู้แทนฯโดย นายกฯเสียงข้างน้อย ย่อมจะเกิดขึ้นได้ เว้นเสียแต่เสียงประชาชนมอบฉันทานุมัติให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนิด แลนด์สไลด์ ในเวทีรัฐสภา ด้วยการพินิจพิจารณา จาก ความเชื่อมั่นเลือกคนที่รักพรรคที่ชอบ มีความรู้ ความสามารถ เป็นคนดี มีความหวัง มีสปิริตทางการเมือง ไร้เรื่องจนหัวจะปวด..!!
พบกับคอลัมน์ธงนำข่าวโดย บก.พี่ลุง ได้ทุกวันพฤหัสบดี แล้วร่วมติดตามอนาคตประเทศไทยไปพร้อมกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
