ออกมาเปิดใจหลังใช้เวลาไกล่เกลี่ยนานกว่า 9 ชั่วโมง สำหรับไมค์ พิรัชต์ และอดีตแฟนสาว ซาร่า คาซิงกินี หลังเป็นโจทย์ยื่นฟ้องขอเซ็นรับรองบุตร โดยในวันนี้เป็นการไกล่เกลี่ยรอบที่ 3 ซึ่งไมค์ได้เปิดเผยว่า ในวันนี้ที่ตนเตรียมมาเสนอจะจ่ายค่าศึกษาของลูกร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นโรงเรียนที่ตนเลือก มีค่าประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และจะเก็บเงินออมให้ลูกด้วยในอนาคตเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยและจะได้มีเงินตั้งต้นด้วย แต่ตกลงกันไม่ได้ในตอนแรก เนื่องจากอีกฝ่ายไม่อยากย้ายโรงเรียนลูก และต้องการให้ตนจ่ายค่าเทอมผ่านพ่อของฝ่ายหญิง ซึ่งตนมีความไม่สบายใจในจุดนี้และต้องการจ่ายเงินตรงกับทางโรงเรียน จึงทำให้การไกล่เกลี่ยลากยากยาว และลงเอยที่ตนต้องจ่ายค่าเทอมคนละครึ่งกับซาร่า จนลูกเรียนจบชั้นป.6 หลังจากนั้น ม.1 จนถึงมหาวิทยาลัยเป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องคุยกับลูกเองว่าอยากเรียนที่ไหน อย่างไร ซึ่งตนจะเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดจนถึงปริญญาตรี ส่วนเรื่องประกันสุขภาพ ประกันชีวิต และเงินออมสำหรับให้ลูกในอนาคต ไม่ได้กำหนดว่าต้องเก็บเงินเดือนละเท่าไหร่ ซึ่งที่ผ่านมาตนเก็บเดือนละ 3 หมื่นบาท แต่ในอนาคตก็ต้องแล้วแต่ตามกำลัง เนื่องอาจจะเกิดสถานการณ์โควิดแบบครั้งที่ผ่านมาอีก
ส่วนในเรื่องสิทธิ์การปกครอง ตนไม่ได้ต้องการใช้สิทธิ์ปกครองลูกตั้งแต่แรก เพียงแค่ต้องการเจอลูกอย่าง่ายดายเพียงเท่านั้น และในเรื่องของการเซ็นรับรองบุตรหลังจากนี้ก็คงต้องดุอีกทีว่าจะเป็นวันไหน สบายใจได้สิทธิ์ในการเจอลูกเดือนละ 2 ครั้ง โดยแจ้งล่วงหน้าเป็นเวลาประมาณ 5 วัน ยันไม่ติดต้องเดินทางไปภูเก็ต หลังจากนี้ขอโฟกัสที่ลูกเป็นหลัก
อีกประเด็นหลักที่อีกฝ่ายจะยกลูกให้กับตน แต่ตนบอกว่าขอไปคิดดูก่อน นั้น ตนขอชี้แจงในข้อนี้ ว่า ทันทีที่อีกฝ่ายเสนอมาตนตอบตกลง แต่ต้องพาลูกไปจีน แต่ตนต้องขอกลับไปคิดดูกก่อน ในฐานะพ่อตนต้องคิดให้ละเอียด รอบคอบว่าสุดท้ายแล้วมันดีกับลูกแล้วจริงๆหรือไม่ ด้วยในเรื่องของการทำงานของตนที่ต้องย้ายสถานที่บ่อยๆเนื่องจากถ่ายละคร ก็หวั่นว่าจะไม่มีใครอยู่กับลูก หากมีปัญหา ประกอบกับลูกพูดภาษาจีนไม่ได้ และความกดดันต่างๆที่ต้องเจอ แม้ว่าอีกฝ่ายจะบอกว่าคิดมาดีแล้ว แต่ตนว่ายังไม่พอ และต้องคิดให้มากกว่านี้ ยืนยันว่าตนไม่ได้คิดดูก่อนตรงเรื่องที่จะรับหรือไม่รับ แต่ขอคิดดูก่อนในเรื่องของความเป็นไปได้ในเชิงปฏิบัติว่าเป็นไปได้หรือไม่
นอกจากนี้ไมค์ ยังเคลียร์ หลังทนายอีกฝ่ายได้ให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้ว่าตนเสนอเงิน 5 พันบาทต่อเดือนให้กับลูก โดยรับผิดชอบคนละครึ่งกับซาร่า นั้น ข้อมูลดังกล่าวเป็นความลับในชั้นศาล และไม่สมควรที่จะออกมาเผยแพร่สู่สาธารณะ เรื่องเงินจำนวนนี้เป็นการคาดเดาในตอนแรก แต่ไม่ใช่ข้อสรุป ซึ่งสุดท้ายแล้วไปจบที่คนละ 1 หมื่นบาท เพราะฉะนั้นลูกของตนจะได้เงินค่าอุปการะที่ 2 หมื่นบาทต่อเดือน ซึ่งเป็นการตกลงในครั้งนั้น ซึ่งอาจารย์ประมาณไม่ได้มาในครั้งนั้น ก็อาจจะมีการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน ยืนยันตอนนี้ตนใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเพียงเดือนละประมาณ 1หมื่นห้าพันบาทเท่านั้น พร้อมฝากถึงอาจารย์ประมาณ ไม่ต้องถามหาความเป็นพ่อของตน เพราะหมาแมวยังไม่ทิ้งลูก ตนก้ไม่ทิ้งแน่นอน และที่ผ่านมาก็ดูแลลูกมาโดยตลอด ตนอาจจะไม่ได้ดีเท่า แต่ก็พยายามที่สุดในสิ่งที่คนๆหนึ่งทำได้