หากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเมื่อ 14 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา เป็นการส่งสัญญานอันชัดเจนเพื่อความหวังให้ประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยการเลือกตัวแทนจาก พรรคก้าวไกล เพื่อไทย
และพรรคอื่นๆจากฝากฝั่งประชาธิปไตยด้วยเสียงส่วนใหญ่แล้วนั้น จึงมิควรมีข้อแม้ใดๆหรือไม่ที่จะหยุดยั้งแม้แต่นาทีเดียว แม้นประเทศชาติจะหยุดนิ่งอยู่กับที่หากแต่โลกภายนอกมีการพัฒนาและขับเคลื่อนไปข้างหน้าก็เท่ากับไทยเราถอยหลัง.!?
ด้วยความเชื่อแห่งอุดมคติและจุดยืนที่ชัดเจนของประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเพื่อกำหนดทิศทางอนาคตของประเทศ แต่กลับมีคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เป็นผู้ตัดสิน ซึ่งทั้งสององค์กรต่างเป็นผลไม้พิษจากต้นไม้พิษคสช. ที่จัดวางซ่อนเงื่อนไว้เป็นกับดักรับมือกับสถานการณ์เฉกเช่นนี้อยู่แล้ว มุมมองของคนส่วนใหญ่ 4 ปีข้างหน้าของ “รัฐบาลส้ม” คืออนาคตของชาติและชะตาชีวิตของพวกเขา ห้วงกว่า 8 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่ทำแล้ว ทำอยู่มันคือซากปรักหักพังความล้าหลังซึ่งไร้ต่อความเสี่ยงที่จะต้องรอรัฐบาลใหม่อีกต่อไป.!?
การจัดตั้งรัฐบาลฟอร์มทีม “คณะรัฐมนตรีก้าวไกล” ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ในฐานะพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงสูงสุด จึงเป็นหน้าที่โดยชอบธรรมตามครรลองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา ดูเหมือนง่ายแต่ยาก เพราะรัฐธรรมนูญปี 60 ของคสช. ยังออกกฤทธิ์ไซยาไนด์ วางยาฝ่ายตรงข้ามสั่งตาย “รัฐบาลส้ม” ให้หยุดได้ด้วยเสียงรับรองบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้ง “นายกรัฐมนตรีพิธา” ไม่เพียงพอหรือเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา 376 เสียงโดยต้องพึ่งคะแนนจากสมาชิกวุฒิสภา แม้จะเป็นเหตุผลย้อนแย้ง เคยกล่าวหาเป็น “รัฐบาลเผด็จการ” เสียงมากเกินไปเข้าเงื่อนไขก่อการปฏิวัติรัฐประหารของฝ่ายอำนาจเก่าคสช. เช่นเดียวกับวาทกรรม “ชังชาติ” ที่มีคนกล้าคิดใช้คำว่า “ชาติ” เป็นตัวประกันบิดเบือนผลักฝ่ายประชาธิปไตยปรักปรำให้เข้าใจผิดเป็นฝั่งไม่รักสถาบัน ผลการเลือกตั้งออกมาเยี่ยงนี้เท่ากับคนค่อนประเทศปฏิเสธองค์กรสำคัญของชาติหรืออย่างไร..!?
“ส.ว.ปิดสวิตช์=ไม่รับรอง” บุคคลซึ่งสมควรเป็นนายกฯเป็นการเล่นคำต่างบริบทต่างสถานการณ์ หากแต่ส.ส.ทุกค่ายที่อ้างอุมดมการณ์แห่งประชาธิปไตยให้ไปต่อไม่รอแล้ว รับรอง”รัฐบาลส้ม”ร่วมกันปิดสวิตช์ส.ว.เสียเอง เป็นทางเดียวที่ฝ่ายการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนอย่างแท้จริง กระทำได้ตามเจตนารมณ์สนับสนุน”ทิม พิธา”เป็นนายกฯคนที่ 30 โดยหลักการแบบไม่มีเงื่อนไขเข้าร่วมรัฐบาลเป็นประวัติศาสตร์ชาติให้จารึกแทนการจดจำตำนานประชาธิปไตยจำแลง ผู้แทนฯเสียงข้างมากแต่พ่ายแพ้แก่ตัวแทนคณะรัฐประหาร ยังชงเองกินเองไม่จำเป็นต้องตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแต่ก็เข้าทาง”ครม.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”รักษาการอำนาจนิยมยาวไป..!?
“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”ยังเป็นเพียงว่าที่นายกฯคนที่ 30 ของคนไทยในโลกแห่งจินตนาการ หากแต่โลกแห่งความเป็นจริง ”พิธา” จะต้องผ่านด่านส่วยอำนาจอีกมากมาย ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญฉบับคสช.หลังลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเป็นว่าที่ ส.ส.พลพรรคก้าวไกลหรือพรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะต้องเสี่ยงถูกใบสั่งหยุดอีกมากมายทั้งเหลือง แดง ส้ม หรือดำให้เลือกตามสมการการเมืองที่กกต.จะเป็นฝ่ายกำหนดเกม จะประกาศรับรอง ส.ส.เป็นทางการเกิน 95 เปอร์เซ็นต์เพื่อเรียกประชุมสภาฯได้นัดแรกเมื่อไหร่ พรรคก้าวไกลจะเป็นพรรคที่ได้ที่นั่งสูงสุดต่อไปอีกหรือไม่..!?
“คดีพิธาซุกหุ้นสื่อฯ” เป็นไฮไลท์สำคัญสุด เกมการเมืองอาจเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ดาบนี้ซ่อนคมมาจากไหน? โผล่ก่อนเลือกตั้งแค่ 3 วัน ส้มอาจหล่นใส่ ”คนเพื่อไทย” ตำนานทางการเมืองอาจต้องเขียนบทใหม่ ต่างจุดยืนไปจากเงื่อนไขของ”รัฐบาลก้าวไกล” หากในห้วงผลัดมือฉวยโอกาสของ ”พรรคอันดับสอง” เพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล ทว่า”ว่าที่นายกพิธา”ถูกกกต.ตัดสิทธิ์ขาดคุณสมบัตรผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. โทษทัณฑ์ถึงขั้นต้องเว้นวรรคทางการเมืองไม่สามารถรับตำแหน่งใดๆได้ตามกำหนดเวลาในรัฐธรรมนูญกับดักของคสช. แคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกลขาดลงทันทีแบบ”ไม่มีตัวสำรอง”อย่างค่ายเพื่อไทยที่พร้อมรับมือกับหมากเกมสั่งสังหารอยู่แล้วส่งถึง 3 รายชื่อ ซึ่งสูตรรัฐบาลผสมของเพื่อไทยอาจเพี้ยนไปจากเจตนารมณ์เสียงส่วนใหญ่หรือหนักยิ่งกว่ากล้าพอฝืนมติมหาชนผสมข้ามสายพันธุ์ร่วมกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม..!?
สิ่งที่ใช่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็น การแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของพรรคร่วมรัฐบาลก้าวไกลบางพรรคอาจเป็นการแสดงถึงความต้องการของประชาชนที่ปฏิเสธยากเกินความจำเป็น หากแต่ ”ส้มต้องหยุด” พิธาไปต่อไม่ได้ มีความจำเป็นที่เกมเดินเข้าทางเพื่อไทย ”อุ๊งอิ๊ง” แพทองธา ชินวัตร “เศรษฐา ทวีสิน” หรือ ”ชัยเกษม” ต้องเป็น ”พรรคสารตั้งต้นใหม่” ผ่านด่านแรกเสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภาผู้แทนฯและคงผ่านด่านสองการรับรองเกิน 376 ในรัฐสภาโดยไม่ยากจากประสบการณ์
วัวเคยค้าม้าเคยขี่ การเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ต้องมีเกมการต่อรองเพื่อความลงตัวด้วยคิดเป็นมูลค่า เฉกเช่นธรรมเนียมแจกกล้วยเป็นสินน้ำใจในวงจรอุบาทว์ระบบ ”ธนกิจการเมือง” วาระที่ฝ่ายรัฐบาลขอผ่านกฏหมายด้านการเงินหรือญัตติสำคัญๆ โดยเฉพาะกับกลุ่มคนบางช่วงวัยไม้ใกล้ฝั่งแล้วการแบมือตอบรับน้ำใจในห้วงบั้นปลายชีวิตไว้ให้กับลูกหลานทานขนม ทิ้งอนาคตของชาติแต่ยังดีที่รับผิดชอบครอบครัวส่วนตัวอาจดูไม่ดีก็เลวน้อยลง..แต่ก็ช็อตฟิลคอการเมืองผู้นิยมประชาธิปไตยไปอีกนานแสนนาน..!!
พบกับคอลัมน์ธงนำข่าวโดย บก.พี่ลุง ได้ทุกวันพฤหัสบดี แล้วร่วมติดตามอนาคตประเทศไทยไปพร้อมกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews