เจบีดี หรือเจด เบิร์ด ดิสเพลย์ (Jade Bird Display) เปิดตัวเครื่องฉายภาพไมโครแอลอีดี ชนิดหลากสีแบบโพลีโครมรุ่น “ฮัมมิงเบิร์ด” (Hummingbird) ในงานเอสไอดี (SID) ซึ่งใช้แผงจอแสดงผลไมโครแอลอีดีที่ล้ำสมัยของเจบีดี และยังได้รับรางวัล “จอแสดงผลแห่งปี 2566” (2023 Display of the Year) จากเอสไอดี
เครื่องฉายภาพฮัมมิงเบิร์ดนี้มีโครงสร้างที่น้ำหนักเบาและกะทัดรัด ความสว่างสูง สีสันสวยสดชัดเจน และประสิทธิภาพด้านพลังงาน ข้อดีเหล่านี้ทำให้เครื่องฉายภาพฮัมมิงเบิร์ดเป็นโซลูชันภาพสีเต็มที่ดีที่สุด ซึ่งจะยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ได้อย่างมากในแว่นอัจฉริยะและการใช้งานด้านเออาร์ (AR) สำหรับผู้บริโภค
เจบีดี ฮัมมิงเบิร์ด โดดเด่นเนื่องจากเป็นเครื่องฉายภาพที่เล็กที่สุดและน้ำหนักเบาที่สุดในโลก โดยมีปริมาตร 0.4 ซีซีและหนักเพียง 1.0 กรัม ขนาดเล็กกะทัดรัดนี้ช่วยให้ผนวกเข้ากับส่วนขาของแว่นอัจฉริยะและการใช้งานเออาร์อื่น ๆ ได้อย่างลงตัว โดยลดน้ำหนักและขนาดลงอย่างมาก
เจบีดี ฮัมมิงเบิร์ด มีค่าฟลักซ์การส่องสว่าง 3 ถึง 5 ลูเมน และมุมการรับชมขนาดมาตรฐานที่ 30 ซึ่งสามารถปรับให้อยู่ระหว่าง 25 ถึง 45 และเมื่อรวมกับท่อนำคลื่นสัญญาณแสง (optical waveguide) ที่เหมาะสมแล้ว ผลิตภัณฑ์นี้มีความสว่างที่น่าทึ่งที่ 1800 นิต ทำให้มองเห็นเนื้อหาบนหน้าจอได้อย่างชัดเจนแม้ในสภาพแวดล้อมกลางแจ้งที่สว่างจ้า ในแง่ของอายุการใช้งานแบตเตอรี่ เจบีดี ฮัมมิงเบิร์ด ใช้ประโยชน์จากค่าประสิทธิผลการส่องสว่างที่สูงของเทคโนโลยีไมโครแอลอีดีของเจบีดี ภายใต้สภาพการทำงานโดยทั่วไป การใช้พลังงานไฟฟ้าของเครื่องฉายภาพรุ่นนี้ต่ำได้ถึง 260 เมกะวัตต์ ซึ่งต่ำกว่าเทคโนโลยีจอแสดงผลขนาดจิ๋วอื่น ๆ ที่มีในท้องตลาดขณะนี้มาก อย่างเช่นแอลซีโอเอส (LCOS) หรือดีแอลพี (DLP) ประสิทธิภาพด้านพลังงานที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้เพิ่มอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของแว่นเออาร์ได้อย่างมีประสิทธิผล จึงรองรับการใช้งานตลอดวันในสภาพแสงแวดล้อมแบบต่าง ๆ
นอกจากฮัมมิงเบิร์ดแล้ว เจบีดียังนำเสนอดีไซน์อ้างอิงของโมดูลสัญญาณแสงไมโครแอลอีดีแบบสองตาชนิดหลากสีโพลีโครมในงานเอสไอดี โดยมีการออกแบบที่คล้ายกับแว่นตาปกติ จึงช่วยให้ผู้ใช้ได้สัมผัสคอนเทนต์ภาพนิ่งและวิดีโอที่ชัดเจนในสีสันที่สวยสด การเปิดตัวโมดูลสีแบบสองตาของเจบีดีนี้มุ่งขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมเออาร์ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะจะมีส่วนช่วยอย่างมากในการลดระยะเวลาการพัฒนาสำหรับผู้ผลิตแว่นเออาร์สีแบบสองตา เพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนา ลดต้นทุน และส่งเสริมให้มีการนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในตลาดผู้บริโภคทั่วไป