Home
|
ข่าว

ทรินา โซลาร์ เปิดตัวเทคโนโลยี ไอ-ท็อปคอน ตอกย้ำความเป็นผู้นำเทคโนโลยีเอ็นไทป์

Featured Image

ทรินา โซลาร์ (Trina Solar) ผู้นำนวัตกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ระดับโลก ได้เปิดตัวเทคโนโลยีไอ-ท็อปคอน (i-TOPCon) ชนิดเอ็นไทป์ (n-type) ใหม่ ตั้งเป้านับตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป โมดูลเวอร์เท็กซ์ (Vertex) ซีรีส์เอ็นไทป์ของบริษัทฯ จะได้รับการพัฒนา โดยโมดูลที่มีกำลังไฟสูงที่สุดในซีรีส์นี้จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงกว่า 700 วัตต์

บริษัทได้เริ่มงานเฟส 2 ของโครงการแผงโซลาร์เซลล์โมโนคริสตัลไลน์ซิลิคอนขนาดกำลังการผลิต 15 กิกะวัตต์ ที่โรงงานในเมืองซีหนิง มณฑลชิงไห่แล้ว รวมทั้งเริ่มโครงการการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ประสิทธิภาพสูงชนิดเอ็นไทป์ขนาด 10 กิกะวัตต์ และโมดูลชนิดเอ็นไทป์ขนาด 10 กิกะวัตต์ที่เมืองหยางโจว มณฑลเจียงซูแล้วเช่นกัน ทั้งนี้ ทรินา โซลาร์ ยังมีบทบาทเป็นผู้นำในการสร้างระบบการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยริเริ่มการขอฉลากสิ่งแวดล้อม (Environmental Product Declaration หรือ EPD) และขอการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์สำหรับโมดูลเวอร์เท็กซ์ชนิดเอ็นไทป์

ทรินา โซลาร์ คาดการณ์ว่า ภายในสิ้นปีนี้ กำลังการผลิตโมดูลของบริษัทจะสูงถึง 95 กิกะวัตต์ ในขณะที่กำลังการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์จะสูงถึง 75 กิกะวัตต์ โดยในจำนวนนี้เป็นเซลล์ชนิดเอ็นไทป์ถึง 40 กิกะวัตต์

ดร.อี้เฟิง เฉิน ผู้ช่วยรองประธานบริษัท ทรินา โซลาร์ กล่าวย้ำถึงความสำคัญของนวัตกรรม 4 อย่าง ได้แก่ เซลล์รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า 210อาร์ (210R), โบรอน อิมิตเตอร์ (boron emitter), แผ่นสะท้อนแสงด้านหลังที่มีโครงสร้างแบบจุลภาค และโครงสร้างท็อปคอน (TOPCon) ที่เคลือบผิวด้วยพลาสมาเคมี (PECVD) คุณภาพสูง นวัตกรรมเหล่านี้ทำให้เทคโนโลยีไอ-ท็อปคอน รุ่นใหม่มีประสิทธิภาพของระบบผลิตไฟฟ้าสูงถึง 26% โดยผลิตไฟฟ้าได้มากถึง 700 วัตต์

โมดูลเวอร์เท็กซ์ เอ็น รองรับการใช้งานในโรงไฟฟ้าระดับสาธารณูปโภคเป็นหลัก โดยผลิตไฟฟ้าได้มากถึง 700 วัตต์ ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยปรับเฉลี่ย (LCOE) ลงอีก และจะเริ่มผลิตปริมาณมากได้ในปีหน้า

ทรินา โซลาร์ บุกเบิกการผสานเทคโนโลยีแผ่นเซลล์แสงอาทิตย์รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าและเทคโนโลยีไอ-ท็อปคอนชนิดเอ็นไทป์ทเข้าด้วยกัน ทำให้ได้โซลูชันที่ปรับแต่งให้ตอบโจทย์การใช้งานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันได้ โมดูลเวอร์เท็กซ์ เอ็น ขนาด 605 วัตต์ ออกแบบมาสำหรับโรงไฟฟ้าในพื้นที่ที่มีภูมิประเทศซับซ้อน และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม มีขนาดโมดูลที่ปรับให้เหมาะสมเพื่อให้ใช้ประโยชน์จากความยาวของระบบติดตามแสงอาทิตย์ได้มากที่สุด พร้อมทั้งให้ความจุในการติดตั้งเพิ่มขึ้นอีก 13% สำหรับระบบติดตามแบบแถวเดียว ที่มากไปกว่านั้นคือ โมดูลเหล่านี้ยังช่วยให้ลูกค้าใช้ประโยชน์จากคอนเทนเนอร์ได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด โดยอัตราการใช้ประโยชน์สูงถึง 98.5% สำหรับคอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุต ไฮคิวบ์ (40HC) ทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์ลดลง 12.4% และต้นทุนอุปกรณ์ประกอบ (BOS) ของลูกค้าลดลงด้วยเช่นกัน

ส่วนโมดูลเวอร์เท็กซ์ เอสพลัส (S+) ให้กำลังไฟถึง 450 วัตต์ และเพิ่มความจุในการติดตั้งขึ้น 5.88% สำหรับการติดตั้งบนหลังคาในพื้นที่เดียวกันเมื่อเทียบกับโมดูลเอ็นไทป์สำหรับที่พักอาศัยรุ่นทั่ว ๆ ไปที่มีในตลาด

เมื่อมีการนำเทคโนโลยีการเคลือบหน้าสัมผัสด้านหน้าของเซลล์แบบเต็มพื้นที่มาใช้แล้ว คาดว่าจะทำให้ตัวเลขประสิทธิภาพการผลิตปริมาณมากของเซลล์ชนิดเอ็นไทป์ของทรินา โซลาร์ ที่ใช้เทคโนโลยีสุดยอดอย่างไอ-ท็อปคอน เกิน 27% นอกจากนี้ เมื่อนำเทคโนโลยีไอ-ท็อปคอนชนิดเซลล์ซ้อนมาใช้ร่วมกันด้วยแล้ว คาดว่าจะทำให้ประสิทธิภาพของเซลล์สูงเกินกว่า 30% ด้วย

ยโมดูลเวอร์เท็กซ์ชนิดเอ็นไทป์ของทรินา โซลาร์ ยังได้รับการรับรองความน่าเชื่อถือจากหลายสถาบัน เช่น ศูนย์ตรวจรับรองมาตรฐานของจีน (China General Certification Center) อาร์อีทีซี (RETC) และพีเวล (PVEL)

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube