“ราเมศ” รับยื่นร่าง พรบ.คกก.ธรรมาภิบาลแห่งชาติ พ.ศ. … จาก “พล.อ.ดร.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ”
นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา รับยื่นร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติ พ.ศ. …. จาก พล.อ.ดร.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ พร้อมด้วยคณะผู้ริเริ่ม เสนอร่างพระราชบัญญัติ ซึ่งมีหลักการและเหตุผลดังต่อไปนี้ เมื่อปี พ.ศ.2542 เมื่อครั้ง นายชวน หลีกภัย ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 ส.ค.2542 ให้ทุกหน่วยงานของรัฐ ดำเนินการบริหารจัดการบ้านเมืองและสังคม โดยยึดหลักธรรมาภิบาล 6 ประการ และในปี พ.ศ.2547 สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกประกาศระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 8 ส.ค.2547 เพื่อยกเลิกระเบียบฯ เมื่อวันที่ 10 ส.ค.2542 และเมื่อปี พ.ศ.2549 คณะรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีมติเห็นชอบวาระแห่งชาติ ด้านจริยธรรม ธรรมาภิบาล และการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2549 ในการจัดตั้งสภาธรรมาภิบาลแห่งชาติ
บัดนี้เวลาล่วงเลยมา 15 ปี แล้ว แต่ยังไม่มีผลการขับเคลื่อนการดำเนินการตามวาระแห่งชาติ สู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้จากดัชนีภาพลักษณ์ปัญหาคอร์รัปชัน ปี 2563 ประเทศไทยได้ 36 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน เป็นอันดับที่ 104 จาก 180 ประเทศทั่วโลก ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลกและยังไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น
คณะผู้ริเริ่มจึงขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเพื่อขอเสนอร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติ พ.ศ. …. เพื่อเป้าหมายในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน และขับเคลื่อนธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้นในทุกองค์กรและทุกภาคส่วน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ต้องใช้ระบบคณะกรรมการในการจัดตั้งสภาธรรมาภิบาลแห่งชาติ และสภาธรรมาภิบาลระดับท้องถิ่น เพื่อจัดสร้างการประเมินองค์กรและโครงการต่าง ๆ ในกรอบของธรรมาภิบาล หรือทำการประเมิน และให้ข้อเสนอแนะในเรื่องธรรมาภิบาลขององค์กรต่าง ๆ ต่อทั้งภาครัฐ องค์กรอิสระ และภาคเอกชน ในโครงการที่องค์กรเหล่านั้นได้ดำริ หรือตามภารกิจขององค์กร ในกรอบของตัวชี้วัดธรรมาภิบาลที่สร้างขึ้น เพื่อให้เกิดการใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ
ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง กล่าวว่า จะนำร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว กราบเรียน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามขั้นตอน และจะแจ้งผลการตรวจสอบความถูกต้องให้แก่คณะผู้ริเริ่มต่อไป ภายใน 15 วัน โดยเรื่องธรรมาภิบาลถือเป็นเรื่องสำคัญของสังคม จึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่ภาคประชาชนร่วมกันเสนอเข้ามา
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news