สนค.ชี้โอกาสการส่งออกผลไม้ไปตลาดจีน ความต้องการบริโภคผลไม้ที่หลากหลายและมีแนวโน้มเติบโตสูง
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. เปิดเผยว่า ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ จีนมีการนำเข้าผลไม้ในอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยด้านเศรษฐกิจของจีนที่เติบโตสูงทำให้รายได้ต่อหัวของประชากรและความเป็นเมืองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคจีนยินดีที่จะจ่ายเพิ่มขึ้นเพื่ออาหารที่มีคุณภาพสูงและรสชาติดี ทำให้ความต้องการบริโภคผลไม้เพิ่มขึ้นมากเพื่อรองรับความต้องการของประชากรกว่า 1,400 ล้านคน
ไทยเป็นแหล่งนำเข้าผลไม้อันดับหนึ่งของจีน ในปี 2565 ไทยมีส่วนแบ่งในตลาดผลไม้ในจีน ร้อยละ 41.3 รองลงมาเป็น ชิลี ที่มีสัดส่วนร้อยละ 24.4 ทั้งสองประเทศรวมกันมีส่วนแบ่งในตลาดผลไม้นำเข้าของจีนถึงร้อยละ 65.7 จีนมีการนำเข้าผลไม้ในอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามรายได้ประชากรที่เพิ่มสูงขึ้น และผลผลิตในประเทศที่ไม่เพียงพอต่อการบริโภค โดยเฉพาะผลไม้เขตร้อน เช่น ทุเรียน กล้วย มังคุด ลำไย และมะพร้าว
โดย โอกาสการส่งออก หากมองในแง่การแสวงหาการส่งออกผลไม้ใหม่ ๆ ในตลาดจีน พบว่ายังมีความต้องการผลไม้ที่จีนนำเข้าหลายรายการที่ไทยยังเข้าไปในตลาดนั้นไม่ได้ อาทิ เชอรี่ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ องุ่น แก้วมังกร กีวี แอปเปิล อะโวคาโด พีช สตอเบอร์รี่ พรุน และสาลี่ เป็นต้น โดยผลไม้เหล่านี้มีสัดส่วนร้อยละ 40.7 ของตลาดผลไม้ในจีน จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่เป็นผลไม้เมืองหนาวที่ไทยไม่สามารถเพาะปลูกให้เกิดความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบได้
ซึ่งหากไทยมีการพัฒนาศักยภาพการผลิตในบางสินค้าและผลักดันให้เป็นสินค้าส่งออกเชิงพาณิชย์ได้ก็จะเป็นโอกาสทางการค้าของไทยกับจีนได้ในอนาคต อีกทั้งการขนส่งทางบกที่จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคตในเส้นทางที่มีการขนส่งทางรางเป็นอีกทางเลือกในการขนส่งผลไม้ โดยใช้ด่านรถไฟผิงเสียง ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง หรือด่านรถไฟโม่ฮาน ในมณฑลยูนนาน ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสในการขายสินค้าของไทยไปยังจีนเพิ่มขึ้นในอนาคต
สนค. มองว่า แม้ว่าไทยจะมีจุดเด่นในด้านคุณภาพและรสชาติของผลไม้ แต่การแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดนำเข้าผลไม้ของจีน ทำให้ฝ่ายนโยบายและผู้ประกอบการไทยจะต้องปรับตัวเพื่อที่จะรักษาส่วนแบ่งในตลาดจีนและตลาดโลกไว้ การติดตามสถานการณ์การผลิตและส่งออกผลไม้ของประเทศคู่แข่ง รวมทั้งการรักษามาตรฐานด้านสุขอนามัยความปลอดภัยและคุณภาพของผลไม้เป็นสิ่งที่ไทยต้องทำต่อเนื่องและยกระดับให้ดีขึ้นกว่าประเทศคู่แข่งอื่น ๆ
ในขณะเดียวกันควรผลักดันนโยบายการกระจายตลาดลดความเสี่ยงในการพึ่งพาตลาดเดียว โดยกระจายตลาดส่งออกผลไม้ไปยังตลาดใหม่ ๆ ที่มีกำลังซื้อเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด โดยเฉพาะตลาดที่มีการนำเข้าผลไม้จากโลกในสัดส่วนที่สูง และไทยยังมีส่วนแบ่งในตลาดนั้นไม่มาก อาทิ สหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร แคนาดา ญี่ปุ่น ฮ่องกง เบลเยี่ยม อิตาลี โปแลนด์ สเปน และเกาหลีใต้
นอกจากนี้ ควรขยายตลาดลงสู่ระดับมณฑลของจีนให้มากขึ้น ตามการพัฒนาความเป็นเมืองในมณฑลต่าง ๆ ของจีนที่ขยายตัวขึ้น ส่งผลให้การพัฒนาอุตสาหกรรมและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงคุณภาพชีวิตของชาวชนบทในจีนดีขึ้น โดยเฉพาะในมณฑลที่มีการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ให้ทันสมัย จะช่วยหนุนให้การส่งออกผลไม้เข้าสู่ภายในตัวเมืองชั้นในของจีนมากขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสของไทยในการส่งออกผลไม้ไปจีนเพิ่มขึ้นในระดับมณฑล โดยเฉพาะประชากรในภาคตะวันตกและภาคกลางของจีนที่ยังมีพัฒนาการความเป็นเมืองน้อยกว่าภาคตะวันออกและใต้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews