เปิดประวัติ เสือคิม เสือร้ายเมืองจันท์ กับการกลับมาในรอบ 3 ปี

เสียงระฆังของยกสุดท้ายดังขึ้น ก่อนที่นักมวยร่างสูงใหญ่คนหนึ่งจะเดินลงจากสังเวียน และตัดสินใจประกาศแขวนนวม เหตุผลไม่ใช่เพราะสภาพร่างกายแต่อย่างใด เพราะถ้านับตามอายุชายคนนี้เพิ่งจะอายุ 25 ปี ซึ่งสำหรับอาชีพนักมวยถือเป็นช่วงที่พีคที่สุด
“ขอลากันทีวงการนี้ ซ้อมมวยเหนื่อยขนาดไหนไม่มีใครเห็น พอแพ้แล้วเห็นกันจัง ต่อยมวยเจ็บขนาดไหน เหนื่อยขนาดไหน ยังต้องมาทนกับพวกที่คอยด่าตามหลังตลอด ต่อยมวยทั้งเจ็บทั้งเหนื่อย ยังต้องมาฟังคำด่าจากใครที่ไหนไม่รู้ ยอมอดตายดีกว่าให้ใครก็ไม่รู้มาด่า” นี่คือคำพูดทิ้งท้าย ประกอบกับช่วงนั้นเป็นช่วงที่เกิดโรคระบาดโควิด 19 ทำให้วงการมวยซบเซา จึงเป็นโอกาสเหมาะที่จะปลีกตัวออกมา
หลังจากเลิกมวยชีวิตของเขาเป็นไปอย่างราบรื่น เขามีธุรกิจทุเรียนเป็นของตัวเอง มีภรรยาและลูกที่น่ารัก รายได้พอมีพอกิน นักมวยรุ่นน้องต่างก็แวะเวียนเข้าไปหาอย่างไม่ขาดสาย ทุกอย่างดูจะเป็นไปได้ดี จวบจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องกลับมาสวมนวมและขึ้นต่อสู้บนสังเวียนอีกครั้ง
นี่คือเรื่องราวชีวิตของชายที่เคยขึ้นสู่จุดสูงสุด ก่อนจะร่วงลงมา และในตอนนี้ เขากำลังปีนขึ้นไปบนจุดสูงสุดนั่นอีกครั้ง ชื่อของเขาคือ “เสือคิม” หรือที่ใคร ๆ รู้จักกันในฉายา “เสือร้ายเมืองจันท์”
จุดเริ่มต้น
15 สิงหาคม 2538 เป็นวันแรกที่เด็กชายชานนท์ มีชัย หรือคิมลืมตาดูโลก ณ จังหวัดจันทบุรี ในวัยเด็กชีวิตของคิมไม่ได้สวยหรูนัก คุณพ่อของเขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุตั้งแต่ตัวเขายังอยู่อนุบาล ก่อนที่คุณแม่จะเสียชีวิตด้วยอาการป่วย ทำให้เขาต้องอาศัยอยู่กับคุณยายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
คิม ไม่ได้มีความสนใจในด้านมวยมาตั้งแต่แรก ในวัยเด็กเขาก็มีความสนใจในกีฬาชนิดอื่นอย่างฟุตบอลเช่นเดียวกับเด็กคนอื่น ๆ
เหตุการณ์เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ เมื่อวันหยุดเสาร์อาทิตย์ มีงานวัดจัดขึ้น ณ โรงเรียนที่เขาเรียนอยู่ ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย และหนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความนิยมคือการเปรียบมวย การเปรียบมวยถ้าพูดให้เข้าใจง่ายคือการจับนักมวยมาชกกันโดยไม่ได้คำนึงถึงน้ำหนักหรือส่วนสูง แค่มองภายนอกถ้าพอใจก็สามารถต่อยกันได้เลย
คิม ได้รับคำชวนจากผู้ใหญ่ในงานให้ขึ้นไปเปรียบ และได้ขึ้นชก ก่อนจะสามารถคว้าชัยได้ตั้งแต่ครั้งแรกของการต่อย ทำให้ได้เงินมา 300 บาท นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คิมมองเห็นช่องทางในการหาเงินมาช่วยเหลือคุณยายได้ เขาจึงเริ่มชกมวยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หลังจากนั้น คิมได้ตระเวนขึ้นชกกับเด็กในแถบนั้น และสามารถเอาชนะมาได้ ค่าตัวแต่ละไฟต์ประมาณ 200-300 บาท เมื่อเห็นแล้วว่าสามารถหาเงินได้ และเขาก็สามารถทำออกมาได้ดี เขาจึงตัดสินใจที่จะหาค่ายมวยเพื่อเข้าไปฝึกซ้อมอย่างจริงจัง
ค่ายแรกที่คิมเข้าไปฝึกซ้อมอยู่คือค่ายมวยส.ภูยาง แต่ซ้อมอยู่ได้เพียง 2-3 ปี เจ้าของค่ายก็เสียชีวิต ทำให้คิมจำเป็นจะต้องหยุดชกมวยถึง 4 เดือน ก่อนจะได้รับโอกาสจากค่ายศิษย์สท.แต๋ว ทำให้คิมได้เข้าไปซ้อมกับค่ายศิษย์สท.แต๋ว
บรรยากาศการฝึกซ้อมภายในค่ายเป็นไปไม่ต่างจากค่ายมวยใหญ่ ๆ เนื่องจากจำนวนเด็กในค่ายที่ค่อนข้างเยอะ นั่นจึงทำให้คิมต้องปรับตัวเล็กน้อย
ในช่วงมัธยมต้น คิมเริ่มเข้ามาชกในกรุงเทพฯ โดยไฟต์แรกเขาได้ชกที่เวทีแรกคือเวทีลุมพินี คิมสามารถเอาชนะน็อคได้ด้วยอาวุธเข่าและศอก ทำให้คิมเป็นที่รู้จักในชื่อเจ้าหนูนักเดิมพัน สไตล์การชกของเขาเป็นมวยบู๊ เน้นอาวุธหมัดและเข่า เมื่ออยู่บนเวที แม้ว่าเขาจะเสียเปรียบ เขาก็จะสู้เต็มที่ จนแฟนมวยให้การยอมรับมากยิ่งขึ้น และผู้คนก็รู้จักเขาในชื่อ “เสือคิม” หรือฉายา “เสือร้ายเมืองจันท์”
เสือร้ายเมืองจันท์
แม้ว่าเสือคิมจะมีฟอร์มการชกที่ดุเดือด แต่เนื่องจากนักมวยในค่ายศิษย์สท.แต๋วเริ่มเติบโตขึ้น เส้นทางชีวิตที่ต่างกัน ทำให้หลายคนตัดสินใจเลิกมวย และไปหาอาชีพที่มั่นคงหรือเหมาะกับตัวเองมากกว่า
ท้ายที่สุดในค่ายจึงเหลือแค่เสือคิมเพียงผู้เดียว เมื่อไม่มีคู่ซ้อมในค่าย เสือคิมจึงทำการย้ายไปอยู่กับค่ายส.สุรเดช ในช่วงนั้นเสือคิมมีรายการชกมากขึ้น และได้เจอกับนักมวยที่มีชื่อเสียงมากมาย
ในช่วงนั้นชีวิตของเสือคิมผ่านการเดิมพันมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพบกับเมืองไทย ซึ่งภายหลังได้มาอยู่ค่ายเดียวกัน โดยในการเจอกันมียอดเดิมพันสูงถึง 1 ล้านบาท แต่เสือคิมก็ไม่สามารถเอาชนะได้ทั้ง 3 ไฟต์ เนื่องจากพิกัดน้ำหนักที่ชกตอนนั้นประมาณ 102 ปอนด์
และก็ต้องให้เครดิตเมืองไทย ที่ช่วงนั้นเป็นนักมวยที่แข็งแกร่งมาก จนแม้แต่เสือคิมยังไม่สามารถเอาชนะได้
อย่างไรก็ตาม เส้นทางนักสู้ของเสือคิมยังดำเนินต่อไป แม้จะหกล้มคุกคลานเท่าไหร่ เขาก็ไม่ยอมแพ้ จนในที่สุดจุดเปลี่ยนในชีวิตของเสือคิมก็มาถึง เขาได้มีโอกาสต่อยกับฉลองชัย เกียรติเจริญชัย ซึ่งเสือคิมสามารถพลิกกลับมาเอาชนะได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้ฟอร์มเข้าตาเสี่ยแขก เจ้าของค่ายพี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม
นอกจากจะได้รับอัดฉีดถึง 40,000 บาท เขายังได้รับโอกาสจากเสี่ยแขกให้เข้ามาซ้อมในค่ายพี.เค. แบบไม่ได้ซื้อขาย เป็นการฝากซ้อม โดยอนุญาติให้เสือคิมยังใช้ชื่อของศิษย์ส.ท.แต๋วเช่นเดิมเพื่อให้เกียรติ
ในช่วงแรกของการฝึกซ้อมในค่ายใหญ่ เสือคิมรู้สึกท้อจนปรึกษากับเทรนเนอร์ที่สนิทว่าอยากจะหนีกลับไปบ้านเกิด แต่ด้วยความอดทนและพยายาม ทำให้เขาสามารถกัดฟันสู้ จนผ่านการซ้อมมาได้ และได้มีโอกาสขึ้นชก และสามารถทำผลงานออกมาได้เป็นอย่างดี ด้วยการชนะน็อคในยกที่ 4 จนได้รับเงินอัดฉีด 100,000 บาท และทองคำอีก 3 บาท ทำให้เขาเลิกความคิดที่จะหนีกลับบ้าน
เสือคิมฝึกซ้อมอยู่ในค่ายพี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม จนมีชื่อเสียงโด่งดัง ผ่านการชกกับนักมวยที่มีชื่อเสียงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ซุปเปอร์เล็ก รถถัง เพชรดำ มงคลเพชร ฯลฯ
ในประเทศไทย เสือคิมมีดีกรีเป็นแชมป์ลุมพินีถึง 3 เส้น ได้แก่ รุ่น 118 ปอนด์ รุ่น 122 ปอนด์ และรุ่น 130 ปอนด์ พ่วงด้วยแชมป์ประเทศไทย รุ่น 122 ปอนด์ และแชมป์เวทีมวยช่อง 7 สี รุ่น 122 ปอนด์ เรียกได้ว่าเขากวาดความสำเร็จมาเกือบทั้งหมดแล้ว รายได้ในการขึ้นชกแต่ละไฟต์เหยียบ 1 แสนบาท
ชื่อเสียงของเสือคิมโด่งดังไปจนถึงประเทศญี่ปุ่น ด้วยสไตล์การชกของเขาที่ถูกใจคนญี่ปุ่น ทำให้เขามีโอกาสไปสร้างชื่อเสียงอยู่บ่อยครั้ง เขายังเคยคว้าแชมป์ Kickboxing ในรายการ BOM ของประเทศญี่ปุ่น และมีโอกาสได้เจอกับเทนชิน นาซึคาวา นักชก Kickboxing ที่ได้ชื่อว่าเก่งที่สุดของญี่ปุ่นในขณะนั้นอีกด้วย
นอกเหนือจากชื่อเสียงในด้านฝีไม้ลายมือ และสไตล์การชกแล้ว จุดเด่นอีกอย่างของเสือคิมคือหน้าตาที่หล่อคม บวกกับคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน อย่างรอยสักบริเวณหน้าอก รูปนกฮูกสยายปีก ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้เสือคิมได้รับการดึงตัวจากโปรแกรมเมอร์ชาวญี่ปุ่น ให้ไปเป็นต้นแบบให้กับตัวละคร “ฟ้าคำราม” จากเกม Tekken เกมต่อสู้ระดับโลกที่เด็ก ๆ รู้จักกันดี
ทว่าในขณะที่กราฟชีวิตของเสือคิมกำลังพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด ด้วยคำพูดแย่ ๆ ของคนไม่กี่คน กลับทำให้เสือคิมตัดสินใจที่จะเลิกมวย และกลับสู่ชีวิตปกติอีกครั้ง …
กลับสู่ชีวิตที่เรียบง่าย
ในช่วงปี 2563 ซึ่งเกิดโรคระบาดโควิด 19 ทำให้วงการมวยเองก็ซบเซาลงเป็นอย่างมาก รวมถึงเสือคิมเองก็กลับบ้านไปใช้ชีวิตกับครอบครัว ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อแฟนมวยในโซเชียล รวมถึงคนแถวบ้าน ต่างก็ถากถางเสือคิมด้วยคำพูดแย่ ๆ จนทำให้เสือคิมรู้สึกท้อแท้ และเบื่อวงการมวย
เรื่องที่ถูกวิจารณ์ หลายคนอาจมองเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับเสือคิมเขาเคยเจอความเห็นลักษณะนี้มาหลายครั้ง และเป็นเรื่องแทงใจดำตนเอง
นั่นจึงส่งผลให้เขาเบื่อหน่ายและไม่อยากทนอีกต่อไป จึงหาทางออกด้วยการเลิกชกมวย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ เพราะนักมวยที่หาเลี้ยงชีพอย่างสุจริต ต้องมาเจอคอมเมนท์ที่ไม่สร้างสรรค์ของคนบางคน ที่คอยเอาแต่ตำหนิ ติเตียน คนอื่น จนทำให้เขาต้องแขวนนวม
หลังจากเลิกมวยมา เสือคิมก็ยังมีเงินจำนวนหนึ่งที่สะสมเอาไว้จากการชกมวย แต่ด้วยความเป็นวัยรุ่น นั่นจึงทำให้เขาไม่รู้จักการวางแผน และใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย นอกจากนี้ในช่วงนั้นเสือคิมยังมีเรื่องให้ต้องเลิกกับภรรยาด้วย
ท้ายที่สุด เมื่อมรสุมชีวิตถาโถมเข้ามา ทำให้เสือคิมทรุดอย่างหนัก แม้ว่าจะนำเงินก้อนที่เหลือหลังจากแบ่งกับภรรยามาลงทุน ก็ไม่ประสบผล จนตัวเขาไม่เหลืออะไรเลย
สิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่นั่นคือชื่อของเขาในวงการมวย และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขากลับมาอีกครั้ง
เสือร้ายคืนสังเวียน
“3-4 เดือนก่อน ตอนทราบข่าว ผมเศร้ามาก เขาไม่มีเงิน ไม่มีอะไร แต่เขายังสามารถกลับมาสู้ใน One Lumpinee ได้” นี่คือคำกล่าวของบอสชาตรี ศิษย์ยอดธง CEO แห่ง One Championchip สมาคมศิลปะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโซนเอเชีย กล่าวถึงเสือคิม
เรียกได้ว่าเป็นนักมวยคนแรกและคนเดียว ที่บอสชาตรีคะยั้นคะยอให้กลับมาชกหลังจากเลิกมวยไปแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้จะอยากกลับมาชกเพียงใด แต่เสือคิมก็ยังถือคติที่ว่าเมื่อเอ่ยปากไปแล้วเขาจะไม่กลับคำพูดอย่างเด็ดขาด
แต่สุดท้าย ด้วยแรงกระตุ้นจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยแขก เพื่อนร่วมค่าย แฟนคลับ รวมถึงบอสชาตรี ที่คอยให้การสนับสนุน เสือร้ายแห่งเมืองจันท์จึงตัดสินใจกลับเข้าสู่ค่ายพี.เค. และเริ่มซ้อมอย่างจริงจังอีกครั้ง ช
ในส่วนของคำพูดที่เขาเคยเป็นกังวล บอสชาตรีก็ให้เหตุผลว่าเสือคิมพูดเอาไว้ว่าจะเลิกต่อยมวยไทย 5 ยก แต่ในกรณีนี้เสือคิมกลับมาต่อยมวยไทย 3 ยก ซึ่งไม่ถือเป็นการผิดคำพูดตัวเองแต่อย่างใด
แม้ว่าในช่วงแรกของการกลับมา เสือคิมจะต้องเหนื่อยจากการฝึกซ้อมทำร่างกายอย่างหนัก หลังจากหยุดพักไปนาน แต่เขาก็มีความสุขที่ได้ทำมัน และเขาบอกกับตัวเองว่าจะไม่ทิ้งโอกาสอีกเป็นครั้งที่สอง เสือคิมในวัย 28 ปี มาพร้อมความตั้งใจที่จะแสดงความแข็งแกร่งของเสือร้ายแห่งเมืองจันท์ให้เป็นที่รู้จักอีกครั้ง
และในวันที่ 21 กรกฎาคม 2566 นี้ เสือคิมจะคืนถิ่นที่เคยเกิด เปิดศึกแรกบนสังเวียนในรอบ 3 ปีกว่า เผชิญหน้า “คิริลล์ โคมูทอฟ” จากรัสเซีย เคลียร์ทุกด่าน เพื่อทวงคืนอำนาจแห่งเจ้าป่า
สรุปส่งท้าย
เรื่องราวของเสือคิม อาจเป็นอุทาหรณ์ให้กับใครหลาย ๆ คน ในเรื่องของการคว้าโอกาสที่เข้ามา หรือการตัดสินใจอะไรที่หุนหันพลันแล่นเกินไป ก็อาจไม่ส่งผลดี
อย่างไรก็ตาม แม้เรื่องราวในอดีตจะเป็นอย่างไร แต่ในปัจจุบันเราก็หวังว่าทุกคนจะให้กำลังใจเสือคิม ในการกลับมาครั้งนี้ และเชื่อว่าเราจะได้เห็นเสือร้ายแห่งเมืองจันท์กลับมาโลดแล่นบนเวทีอย่างแน่นอน
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews