วอลมาร์ตติดหนึ่งในรายชื่อของฟอร์จูนโกลบอล 500 เป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน
ฟอร์จูน (Fortune) เผยบริษัทผู้ค้าปลีกวอลมาร์ต (Walmart) ติดอันดับสูงสุดของฟอร์จูนโกลบอล 500 (Fortune Global 500(TM)) ในปี 2566 โดยได้รับการจัดให้เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามรายได้ในปีงบประมาณ 2565 นับเป็นครองอันดับ 1 เป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน
การจัดอันดับในปี 2566 ประกอบไปด้วยบริษัทจีน 142 บริษัท บริษัทสหรัฐอเมริกา 136 บริษัท บริษัทญี่ปุ่น 41 บริษัท และบริษัทเยอรมนี 30 บริษัท โดยที่จำนวนบริษัทจากญี่ปุ่นและฝรั่งเศสลดลงต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์
แอมะซอน ( Amazon), แอปเปิล (Apple), ยูไนเต็ดเฮลธ์ (UnitedHealth), ซีวีเอส (CVS) เป็นหนึ่งในบริษัทสหรัฐอเมริกาอันดับต้น ๆ ในฟอร์จูนโกลบอล 500 (Fortune Global 500) ซึ่งสหรัฐอเมริกามีจำนวนบริษัทที่ติดอันดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2553 และมีจำนวนบริษัทมากที่สุดในฐานะประเทศเดี่ยวในปี 2566
สำหรับไฮไลต์ในการจัดอันดับประจำปีนี้ ได้แก่ ภาคส่วนพลังงานติดอันดับด้วยบทบาทที่โดดเด่น ซาอุดี อารามโค ( Saudi Aramco) ได้อันดับที่ 2 ในด้านรายได้ แต่เป็นผู้นำในด้านกำไร โดยมีกำไรต่อปีสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในกลุ่มบริษัทที่เคยติดอันดับในฟอร์จูนโกลบอล 500 (Fortune Global 500)
จำนวนประธานกรรมการบริหารหญิงเพิ่มขึ้นเป็น 29 คนในปี 2566 จาก 24 คนในปี 2565
บริษัทรายใหม่และบริษัทที่กลับมาติดอันดับประกอบไปด้วย วอร์เนอร์บราเธอส์ดิสคัฟเวอรี ( Warner Bros. Discovery), เซลส์ฟอร์ซ (Salesforce), อูเบอร์ (Uber), ลุฟท์ฮันซา (Lufthansa), เอชดี ฮุนได (HD Hyundai), ไดม์เลอร์ ทรัก (Daimler Truck), คอนเทมโพรารี แอมเพอเร็กซ์ เทคโนโลยี (Contemporary Amperex Technology) และเหมยต๋วน (Meituan) จากจีน และบริษัทด้านพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติรายใหม่ เช่น แคนาเดียน เนเชอรัล รีซอร์ส (Canadian Natural Resources)
หากพิจารณาตามภูมิศาสตร์แล้ว บริษัทจากจีนติดอันดับฟอร์จูนโกลบอล 500 (Fortune Global 500) ประจำปีนี้ทั้งหมด 142 บริษัท ซึ่งในจำนวนนี้นับรวมบริษัทจากประเทศจีนและดินแดนข้างเคียง อันประกอบไปด้วยจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวัน อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 บริษัทสหรัฐอเมริกา 136 บริษัทสร้างรายได้จำนวน 13 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าประเทศจีนและดินแดนข้างเคียงที่สร้างรายได้จำนวน 11.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ กฎระเบียบที่เข้มงวดยิ่งขึ้น และผลกระทบตกค้างจากข้อจำกัดเกี่ยวกับโควิดในจีนแผ่นดินใหญ่ส่งผลเสียต่อรายได้ของบริษัทที่ติดต่อกับผู้บริโภคโดยตรง เช่น อาลีบาบา (Alibaba) (อันดับที่ 68), เทนเซ็นต์ (Tencent) (อันดับที่ 147) และเจดีดอทคอม (JD.com) (อันดับที่ 52)