ชวลิต เฟรเดอริก เฉา ผู้ก่อตั้งสถาบันออกเทฟ บริจาคเงินให้มูลนิธิฮาโลเจน สนับสนุนการศึกษาในสิงคโปร์
ชวลิต เฟรเดอริก เฉา ผู้นำธุรกิจรุ่นที่ 4 และผู้ก่อตั้งสถาบันออกเทฟ และประธานบริษัท ไอเอ็มซี แพน เอเชีย อลิอันซ์ กรุ๊ป ได้จับมือกับมูลนิธิฮาโลเจน สิงคโปร์ ร่วมกันสร้างระบบการศึกษา เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอนาคตให้กับเยาวชนในสิงคโปร์ โดยทางออกเทฟได้มอบเงินบริจาคจำนวน 250,000 ดอลลาร์แก่ฮาโลเจน
“จิตสำนึกของทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากโลกทั้งใบกำลังตื่นตัวว่าเราจำเป็นต้องสามัคคีกันผ่านความร่วมมือและการเป็นพันธมิตร อนาคตในภายภาคหน้าของเราจะแตกต่างจากยุคอุตสาหกรรมที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ในฐานะมนุษยชาติคนหนึ่ง เราคือผู้กุมชะตาอนาคตของเรา เราทุกคนมีสิ่งที่จำเป็นอยู่ภายในอยู่แล้วในการร่วมกันสร้างยุคสมัยใหม่นี้ เราเพียงแค่ต้องเปลี่ยนแปลงจิตสำนึกในการใช้ชีวิตแล้วมองหาโลกทัศน์ร่วมเพื่อปูทางไปสู่แนวทางแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เรามีร่วมกัน เมื่อเยาวชนตื่นรู้ถึงเป้าหมายชีวิตของตนและได้รับโอกาสในการทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ เขาย่อมสามารถเจริญรุ่งเรืองในชีวิตได้ เราจึงร่วมกันสร้างระบบการศึกษาสำหรับคนทุกรุ่นที่อยู่นอกเหนือไปจากโรงเรียนเพื่อสร้างอนาคตและกำหนดชะตากรรมของมนุษยชาติร่วมกัน” คุณเฉากล่าว
นอกจากนี้ คุณเฉายังได้เปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ล่าสุดของตัวเอง “One Choice, One World: The Rise of The Well-Being and Happiness Economy” โดย คุณเฉาได้นำเสนอวิสัยทัศน์ที่กล้าหาญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงจิตสำนึกใหม่ของชีวิตในยุคนี้ ว่าด้วยความเป็นอยู่ที่ดีและความสุข โดยมองมนุษยชาติเป็นส่วนหนึ่งของระบบองค์รวม คุณเฉายังสนับสนุนธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งสอดรับกับข้อเรียกร้องของสหประชาชาติในการสร้างระบบเศรษฐกิจตลาดเสรีรูปแบบใหม่ และเปลี่ยนจากการวัดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ มาเป็นการวัดความสุขมวลรวมประชาชาติที่ส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน
คุณเฉากล่าวว่า “โลกในตอนนี้อยู่ท่ามกลางความท้าทายที่เกิดจากโลกาภิวัตน์และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล เราอยู่ในช่วงรอยต่อที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างมาก เพื่อเป็นการเผชิญหน้ากับความท้าทายระดับโลก เราจึงต้องสร้างโลกทัศน์ร่วมกันบนพื้นฐานของการยอมรับว่ามนุษยชาติเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศสำหรับทุกชีวิตบนโลก ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่เราจะต้องร่วมกันสร้างยุคใหม่แห่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและมีความเป็นอยู่ที่ดีแบบองค์รวม เราแต่ละคนล้วนมีส่วนในการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์นี้ตามที่ผมได้กล่าวในงานเขียนใหม่ในชื่อ “One Choice, One World” ด้วยการผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาตะวันออกและวิทยาศาสตร์ตะวันตก ผมเชื่อว่าเราจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกร่วมกันได้ อนาคตอยู่ในมือเรา!”