การเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ(UN) ณ กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาของรัฐบาลไทย ซึ่งเป็นการบินออกนอกประเทศครั้งแรกของ “เศรษฐา ทวีสิน” ในฐานะนายกรัฐมนตรีและคณะ
นอกจากการประชุมตามวาระของ สมัชชาสหประชาชาติ แล้ว ยังมีความพยายามสร้างบทบาทเรียกความเชื่อมั่นให้กับเวทีต่างประเทศภายหลังดำรงตำแหน่ง “ผู้นำของชาติ” ทั้งด้านการทูต ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะด้านการค้าการลงทุนกับนักธุรกิจระดับแนวหน้าของโลก เพื่อหวังโรดโชว์ ดึงเม็ดเงินเข้าประเทศ
หากแต่ “ความเชื่อถือ”จะเกิดกับนานาชาตินั้นจะต้องมาจากความคงเส้นคงวา ตั้งแต่ ความเชื่อมั่นต่อนโยบาย และการขับเคลื่อน ให้เกิดผลสำเร็จจนเกิดความเชื่อมั่นในประเทศก่อนหรือไม่ ซึ่ง “รัฐบาลเศรษฐา”อาจต้องใช้ต้นทุน ที่แพงมากและบทพิสูจน์ที่นานกว่าปกติ จากความเชื่อถือที่ติดลบก่อนขึ้นสู่เก้าอี้นายกฯ..
“การตระบัดสัตย์” วางเกมเลห์เหลี่ยมเป็น ข้อหาหนักทางการเมือง ความไม่สง่างามต่อความเป็นผู้นำของ”เศรษฐา”จะส่งผลกับความเชื่อมั่นกับต่างประเทศหรือไม่
ลักษณะพูดอย่าง แต่กลับทำอีกอย่าง ความเชื่อถือไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะมีการสื่อสารที่ชัดเจนและเข้าใจ อาจถึงขั้นศรัทธาเกิดเป็นอุดมการณ์ จุดยืนของพรรคและกำหนดนโยบายของรัฐบาล ปฏิบัติการขับเคลื่อน ให้เป็นไปตาม ถ้อยแถลงต่อรัฐสภา หรือต่อ “คำมั่นสัญญา” กับ ประชาชน และผ่านการตรวจสอบตามกระบวนการถ่วงดุลอำนาจในระบอบประชาธิปไตย ไร้ซึ่งอภิสิทธิ์ความเป็นพิเศษ ไม่ใช่เลี่ยงบาลี หรือ เบี่ยงเบนประเด็น เล่นวาทกรรมเฉกเช่นการก่อให้เกิดขึ้นของ “รัฐบาลเศรษฐา”โดย ข้ามขั้วการเมืองไปร่วมกับ “2พรรคลุง” หรือทำเป็นลืมเลือนเงื่อนไขแถลงการณ์เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จก่อนยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน ของอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจอมเลื้อย “ชลน่าน ศรีแก้ว”ก่อนได้ปูนบำเหน็จเป็นเจ้ากระทรวงสาธารณะสุข..
“เศรษฐา”และคณะ เดินทางไปต่างประเทศคราวนี้จะสร้างบทบาทท่าทีมีการเจรจาความเมืองแต่ระดับได้จริงหรือไม่ ตั้งแต่ทวิภาคี พหุภาคี ผลตอบรับจะออกเป็นอย่างไร ความน่าเชื่อถือ อาจรวมไปถึงพฤติกรรมการบริหารประเทศชาติที่ผ่านมาของวงวานว่านเครือ อดีตคณะผู้บริหารหรือกลุ่มทุนพรรคการเมืองซึ่งยังพยายามแต่งตั้งเข้าสู่ตำแหน่งเป็นการตอบแทน
การโกงกินคอรัปชั่น อาจเป็นเงื่อนไขข้ออ้างให้เกิดการปฏิวัติหรือรัฐประหารเป็น วงจรอุบาทว์การเมืองไทยอีกหรือไม่ การก่อให้เกิด ปัญหาสุกงอม ผู้คนเสื่อมศรัทธาออกมาเรียกร้องให้เกิดปฏิบัติการยึดอำนาจ แทนที่จะออกมาต่อต้าน กองกำลังนอกระบบ นักลงทุนต่างชาติจะมีปัจจัยความเชื่อมั่นมากน้อยเพียงไหน กับความเสี่ยงซึ่งอาจก่อให้เกิดความหายนะกับธุรกิจของพวกเขา
ไม่นับรวมมาตรการลดต้นทุนเพื่อส่งเสริมตามนโยบายรัฐบาล การบริหารจะไม่ก่อให้เกิดความเสื่อมทรามซ้ำรอยประวัติศาสตร์โคตรโกงในทุกมิติอีก เม็ดเงินเชิงนโยบายไหลเข้ากระเป๋า “นายทุนการเมือง”จนเป็นคดีความศาลตัดสินจำคุกจวบปัจจุบันหรือไม่ ถ่างช่องว่างความเหลื่อมล้ำให้กว้างขึ้นแทนที่จะได้รับการแก้ไขให้แคบลง เป็น “วัฎจักรการบริหารจัดการเชิงอำนาจ”วนไปและต้องกลับมาเป็น “ตัวประกัน”การันตีวิถีทางการเมืองของ “ทักษิณ”คนตระกูลชิน แทนที่ผู้คนจะไต่ถามด้วยความห่วงใยแต่กลับคลางแคลงใจ ไร้ความเชื่อถือ “ทักษิณ”ป่วยจริง หรือ ป่วยทิพย์ ผ่าตัดจริงหรือปลอม หรือกำลังเดินเกมตามแผนในสคริปต์ บท “เพื่อไทยการละคร” เพียงต้องการพักรักษาตัวอยู่ในห้องวีวีไอพีโรงพยาบาล เพื่อหลีกเลี่ยงการกลับไปคุมขังในคุกราชทัณฑ์ เฉกเช่น “นักโทษธรรมดาสามัญ”
หากครบ 1 เดือน 21 กันยายน หรือยื้อเวลา“จำคุก 4 เดือน” หรือ 1 ใน 3 ของโทษทางอาญาที่ถูกศาลติดสินเด็ดขาด เข้าเงื่อนไขยื่นขอพักโทษพิเศษป่วยร้ายแรงและอายุเกิน 70 ปีให้เป็นดุลพินิจของกระทรวงยุติธรรม ซึ่ง “รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง”จาก พรรคเพื่อไทยสาขา 2 ถูกวางตัวไว้ตั้งแต่ต้นฤดูฟอร์มทีม “ครม.เศรษฐา1”แล้ว..
ทั้งหมดทั้งมวล “ความเชื่อมั่น”จะเกิดขึ้นได้อย่างไร “รัฐบาลเศรษฐา” กับ ”กลุ่มอำนาจเก่า” ผลไม้พิษจากต้น2ลุง จะไม่เล่นบท สมบัติผลัดกันชม กับ พรรคเพื่อไทย ด้วยการ ก่อเหตุยึดอำนาจ และ คืนความสุขให้กัน โดยเฉพาะยามที่เห็นภัยอยู่เบื้องหน้า“พรรคก้าวไกล”พยายามทำใจ อดส้มเปรี้ยวไว้กินหวาน แพ้เกมจัดตั้ง “รัฐบาลพิธา” แบบไร้ปัญหาไม่หวังผลเยียวยา เลือกตั้งสมัยหน้าประกาศจุดยืนสร้างความชัดเจนเดินแผนหวังผลแลนด์สไลด์ จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวเปลี่ยนประเทศไทย..แล้วใครจะยอม!?
พบกับคอลัมน์ธงนำข่าวโดย บก.พี่ลุง ได้ทุกวันพฤหัสบดี แล้วร่วมติดตามอนาคตประเทศไทยไปพร้อมกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
