เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2023 ระเบิดความมันส์สนามปิดฤดูกาลอย่างดุเดือด นักบิดไทยสร้างผลงานกระหึ่มเรซที่ 1 กอดคอขึ้นโพเดียมถึง 3 รุ่น นำโดย “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จาก ยามาฮ่า เจน บลู เรซซิ่ง ทีม เอเชียน คว้าอันดับ 2 ในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ขณะ “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร ดาวรุ่งจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ควงทีมเมทรุ่นพี่ “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช บิดคว้าอันดับ 2-3 ในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี ด้าน “เอ้” วรพงศ์ มาลาหวล โชว์ความเก๋าซิวท็อป 3 รุ่นทีวีเอส วัน เมค แชมเปียนชิพ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชีย รายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2023 สนามสุดท้าย ตัดสินแชมป์ ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศ 2 เรซ โดยแข่งขันในเรซที่ 1 เมื่อวันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม 2566
ผลการแข่งขันในรุ่นใหญ่ที่สุดของทวีปอย่าง เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี มาร์คุส ไรเตอร์แบร์เกอร์ นักบิดเยอรมันจาก วันซ็อกซ์ บีเอ็บดับเบิลยู ทีเคเคอาร์ ทีม คว้าแชมป์เอเชียไปก่อนหน้านี้จากแต้มขาดลอย บิดเข้าป้ายเป็นคันแรก แต่โดนปรับ 1 อันดับ ส่งผลให้ แอนดี้ ฟาริด อิซดิฮาร์ นักบิดอินโดนีเซียจาก ฮอนด้า เอเชีย-ดรีม เรซซิ่ง วิท โชวะ ขยับขึ้นมาคว้าชัยชนะไปครอง ส่วนอันดับ 3 เป็นของทีมเมทชาวมาเลเซียอย่าง ซัควาน ไซดี้ ตามหลัง 0.831 วินาที
ไฮไลต์อยู่ที่เกมในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ซึ่งอยู่ในสถานการณ์ชิงแชมป์ประจำปีอย่างเข้มข้น ปรากฏว่ากลุ่มนักบิดที่ลุ้นแชมป์เอเชีย ไล่บี้กันอย่างสุดมัน โดยมี “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ นักบิดไทยมากฝีมือที่ลงบิดไวลด์การ์ดให้กับ ยามาฮ่า เจน บลู เรซซิ่ง ทีม เอเชียน เป็นตัวแปรสำคัญของเรซนี้
ผลปรากฏว่า โซอิจิโร มินามิโมโตะ นักบิดญี่ปุ่นจาก ยามาฮ่า เจน บลู เรซซิ่ง ทีม เอเชียน ที่บิดคว้าชัยชนะด้วยเวลา 19 นาที 53.372 วินาที เฉือน อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ทีมเมทชาวไทยอันดับ 2 เพียง 0.150 วินาทีเท่านั้น ส่วนจ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสมอย่าง ไครูล อิดฮาม ปาวี นักบิดมาเลเซียจาก บุนซิว ฮอนด้า เรซซิ่ง ทีม คว้าอันดับ 3 ตามด้วย “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ จาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ในอันดับ 4
หลังผ่านเรซที่ 1 เป็นผลให้ โซอิจิโร มินามิโมโตะ นักบิดญี่ปุ่นจาก ยามาฮ่า เจน บลู เรซซิ่ง ทีม เอเชียน ขยับขึ้นรั้งจ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสมรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี มีทั้งสิ้น 181 คะแนน เหนือ ไครูล อิดฮาม ปาวี เพียง 2 แต้มเท่านั้น ส่วน นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ รั้งอันดับ 3 ตามหลัง 12 คะแนน ต้องไปตัดสินแชมป์กันในเรซสุดท้ายวันอาทิตย์นี้
ขณะที่ผลการแข่งขันในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี ชัยชนะตกเป็นของ เวด้า พราทาม่า นักบิดดาวรุ่งชาวอินโดนีเซียจาก แอสตร้า ฮอนด้า ที่นำม้วนเดียวจบเข้าป้ายเป็นคันแรก ด้วยเวลา 18 นาที 41.898 วินาที โดย 2 นักบิดไทยจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ สร้างผลงานยอดเยี่ยม “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร และ “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ได้ขึ้นโพเดียมโฮมเรซในอันดับ 2 และ 3 ตามหลังหัวแถว 6.039 วินาที และ 6.042 วินาที ตามลำดับ
จากผลการแข่งขันเรซที่ 1 ส่งผลให้การลุ้นแชมป์ในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี ต้องยืดเยื้อไปถึงวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นเรซที่ 2 โดย เรซ่า เดนิก้า อาห์เรน นักบิดอินโดนีเซียจาก แอสตร้า ฮอนด้า เรซซิ่ง ทีม รั้งจ่าฝูงมีทั้งสิ้น 198 คะแนน โดยมีแต้มเหนืออันดับ 2 อย่าง เฮอร์จุน เฟอร์ดาอุส อยู่ 20 คะแนน
ส่วนผลในรุ่น ทีวีเอส วัน เมค แชมเปียนชิพ ปรากฏว่าชัยชนะตกเป็นของ ฮิโรกิ โอโนะ นักบิดญี่ปุ่นด้วยเวลา 14 นาที 46.399 วินาที เฉือน มูฮัมหมัด มูซัคคีร์ โมฮัมเหม็ด นักบิดมาเลเซียอันดับ 2 เพียง 0.034 วินาที ขณะที่นักบิดจอมเก๋าชาวไทยอย่าง “เอ้” วรพงศ์ มาลาหวล ไล่บี้จบเรซในอันดับ 3 ตามหลังเพียง 0.261 วินาทีเท่านั้น
สำหรับการลุ้นแชมป์เอเชียในรุ่น ทีวีเอส วัน เมค แชมเปียนชิพ ยังต้องไปตัดสินกันในเรซสุดท้ายวันอาทิตย์นี้ โดย มูฮัมหมัด มูซัคคีร์ โมฮัมเหม็ด นักบิดมาเลเซียรั้งจ่าฝูง มีทั้งสิ้น 168 คะแนน เหนือ ของ ฮิโรกิ โอโนะ นักบิดญี่ปุ่น อันดับ 2 อยู่ 18 คะแนน ส่วน วรพงศ์ มาลาหวล รั้งอันดับ 3 ตามหลัง 22 คะแนน
ทั้งนี้ การแข่งขันเรซที่ 2 ของ ศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ 2023 สนามสุดท้าย จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคมนี้ ซึ่งจะเป็นเรซแห่งการตัดสินแชมป์เอเชียของทุกรุ่น
ร่วมเชียร์นักบิดไทย แบบติดขอบจอได้ทางช่อง T-Sport 7 และ แอพพลิเคชั่น T-Sport 7 ตั้งแต่เวลา 13.55 น. เป็นต้นไป หรือรับชมทางเพจ Chang Circuit Buriram เรซที่ 2 วันอาทิตย์ที่ 3 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 12.35 น. เป็นต้นไป ซื้อบัตรได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขา หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ allticket.com
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews