ศึกสองล้อชิงแชมป์เอเชีย “เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2023” ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่หลังดวลความเร็วสุดมันส์ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ “ทัพนักบิดไทย” ระเบิดฟอร์มพาเหรดคว้าชัยชนะในบ้านเกิด นำโดย “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จาก ยามาฮ่า เจน บลู เรซซิ่ง ทีม เอเชียน ผงาดเข้าวินในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี และ “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร ดาวรุ่งจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ เฉือนคู่แข่งคว้าชัยในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี
การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชีย รายการ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2023 สนามสุดท้าย ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศเรซสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม 2566 ท่ามกลางการลุ้นแชมป์อย่างเข้มข้น ตลอดทุกสนามจนถึงเรซสุดท้ายของฤดูกาล
เกมในรุ่นใหญ่ที่สุดของทวีปอย่าง เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี ที่แม้จะได้ตัวแชมป์ไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่รูปเกมยังคงดวลกันอย่างสุดมันส์ ผลปรากฏว่า มาร์คุส ไรเตอร์แบร์เกอร์ อดีตนักบิดเวิลด์ซูเปอร์ไบค์ชาวเยอรมันเจ้าของแชมป์เอเชียคนปัจจุบัน คว้าชัยไปครองด้วยเวลา 16 นาที 2.482 วินาที เหนือ แอนดี้ ฟาริด อิซดิฮาร์ นักบิดอินโดนีเซียจาก ฮอนด้า เอเชีย-ดรีม เรซซิ่ง วิท โชวะ อันดับ 2 อยู่ 1.136 วินาที ตามด้วยทีมเมทชาวมาเลเซียอย่าง มูฮัมหมัด ซัควาน ไซดี้ ในอันดับ 3 ตามหลัง 1.239 วินาที
ขณะที่การแข่งขันในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ที่ต้องตัดสินแชมป์ประจำปีในเรซสุดท้าย ถือเป็นหนึ่งในเรซที่มีความหมายอย่างมาก โดยตัวแปรสำคัญอย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ยอดนักบิดระดับโลกชาวไทยที่ลงบิดไวลด์การ์ดให้สังกัด ยามาฮ่า เจน บลู เรซซิ่ง ทีม เอเชีย บิดคว้าชัยชนะไปครองอย่างสุดมันส์ เหนือ โซอิจิโร มินามิโมโตะ นักบิดญี่ปุ่นอันดับ 2 เพียง 0.229 วินาที ตามด้วย อัซรอย อานัวร์ นักบิดมาเลเซียจาก บุนซิว ฮอนด้า เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 2.892 วินาที ส่วน “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ จาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ตามเข้าป้ายในอันดับ 4 ตามหลัง 2.907 วินาที
โดย โซอิจิโร มินามิโมโตะ นักบิดญี่ปุ่น พลิกสถานการณ์ในสนามสุดท้าย ผงาดคว้าแชมป์เอเชียในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ไปครอง เก็บไปทั้งสิ้น 201 คะแนน ด้าน ไครูล อิดฮาม ปาวี นักบิดมาเลเซียจาก บุนซิว ฮอนด้า เรซซิ่ง พลาดล้มต้นเรซร่วงลงไปรั้งอันดับ 2 เมื่อจบฤดูกาล มี 185 คะแนน ขณะที่ นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ คว้าอันดับ 3 ในปีนี้ไปครอง มีทั้งสิ้น 182 คะแนน
ส่วนผลการแข่งขันในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี ต้องตัดสินกันถึงโค้งสุดท้าย โดยชัยชนะตกเป็นของยอดนักบิดดาวรุ่งชาวไทยอย่าง “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร จาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ที่เข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 18 นาที 54.829 วินาที เฉือน เฮอร์จุน แอทน่า เฟอร์ดาอุส นักบิดอินโดนีเซียจาก แอสตร้า ฮอนด้า เรซซิ่ง ทีม อันดับ 2 เพียง 0.509 วินาที ขณะที่ “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช นักบิดสาวแกร่งจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ บิดเข้าป้ายในอันดับ 3 ตามหลังเพียง 0.509 วินาที
แชมป์ประจำปีในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี ตกเป็นของ เรซ่า ดานิก้า อาห์เรนส์ นักบิดอินโดนีเซียจาก แอสตร้า ฮอนด้า เรซซิ่ง ทีม ซึ่งเก็บไปทั้งสิ้น 206 คะแนน ตามด้วยทีมเมทอย่าง เฮอร์จุน แอทน่า เฟอร์ดาอุส อันดับ 2 มี 198 คะแนน อันดับ 3 เป็นของ เวด้า พราทาม่า นักบิดรุ่นน้องชาวอินโดนีเซีย เก็บไปทั้งสิ้น 160 คะแนน ด้าน จักรีภัทร พฤฒิสาร รั้งอันดับ 4 มี 139 คะแนน และอันดับ 5 เป็นของ มุกข์ลดา มีทั้งสิ้น 121 คะแนน
ด้านผลการแข่งขันในรุ่น ทีวีเอส เอเชีย วัน เมค แชมเปี้ยนชิพ ปรากฏว่า ฮิโรกิ โอโนะ นักบิดญี่ปุ่นคว้าชัยไปครองด้วยเวลา 14 นาที 55.386 วินาที เฉือน มูฮัมหมัด มูซัคคีร์ โมฮัมเหม็ด นักบิดมาเลเซียอันดับ 2 เพียง 0.071 วินาที ด้าน “เอ้” วรพงศ์ มาลาหวล นักบิดมากประสบการณ์ชาวไทยบิดเข้าป้ายในอันดับ 3 ตามหลัง 1.311 วินาที
จบฤดูกาล 2023 ปรากฏว่าแชมป์ประจำปีในรุ่น ทีวีเอส เอเชีย วัน เมค แชมเปี้ยนชิพ ตกเป็นของ มูฮัมหมัด มูซัคคีร์ โมฮัมเหม็ด เก็บไปทั้งสิ้น 188 คะแนน ตามด้วย ฮิโรกิ โอโนะ นักบิดญี่ปุ่นอันดับ 2 มีทั้งสิ้น 175 คะแนน ส่วน “เอ้” วรพงศ์ มาลาหวล คว้าอันดับ 3 เก็บไปทั้งสิ้น 162 คะแนน
ทั้งนี้ ศึก เอเชีย โร้ด เรซซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2023 นับเป็นหนึ่งในฤดูกาลที่มีการลุ้นแชมป์อย่างเข้มข้นตลอดทั้งปี โดยนักบิดไทยสามารถสร้างผลงานได้อย่างร้อนแรง ซึ่งในปีหน้ามีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่า สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ จะยังคงรับหน้าที่เป็นสังเวียนของการแข่งขันรายการนี้เช่นเคย โดยจะมีการเปิดเผยตารางแข่งขันเร็วๆ นี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews