คิวเอส ควัคควาเรลลี ซีมอนด์ส ประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกด้านความยั่งยืน (QS World University Rankings:Sustainability) ประจำปี 2567 การจัดอันดับครั้งนี้ครอบคลุมมหาวิทยาลัย 1,397 แห่ง มากกว่าปีที่แล้วซึ่งเป็นการจัดอันดับครั้งแรกถึงสองเท่า โดยเป็นการประเมินจากผลกระทบทางสังคม ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล
ผลปรากฏว่า มหาวิทยาลัยโทรอนโต ครองอันดับ 1 มหาวิทยาลัยที่มีความยั่งยืนมากที่สุดในโลก ตามด้วยมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ในอันดับ 2 และมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ในอันดับ 3
ผลสำรวจด้านความยั่งยืนที่สำคัญพบว่า แคนาดามีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อมศึกษา และมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย ยังครองอันดับสูงสุดของโลกในด้านความเท่าเทียม ขณะที่สหรัฐอเมริกามีมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ เป็นผู้นำด้านผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ส่วน มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด, มหาวิทยาลัยมิชิแกน-แอนอาร์เบอร์ และมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย มีความเป็นเลิศด้านโอกาสและความสามารถในการทำงาน ขณะเดียวกันพบว่า สหราชอาณาจักร มีความโดดเด่นด้านธรรมาภิบาลและการแลกเปลี่ยนความรู้ โดยมีมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ และอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน ติด 10 อันดับแรก
ทางโซนเอเชีย มหาวิทยาลัยโตเกียว รั้งอันดับ 3 ด้านผลกระทบทางสังคม และติดอันดับ 5 ด้านผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ รั้งอันดับ 1 ด้านการวิจัยสิ่งแวดล้อม และสำหรับ มหาวิทยาลัยซิดนีย์ สามารถครองอันดับ 1 ด้านผลกระทบทางสังคม และมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ตามมาเป็นอันดับ 2
20 อันดับแรกของผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกด้านความยั่งยืนของคิวเอส ประจำปี 2567 ได้แก่
1 มหาวิทยาลัยโทรอนโต ( University of Toronto) แคนาดา
2 มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ( UC Berkeley) สหรัฐอเมริกา
3 มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ( The University of Manchester) สหราชอาณาจักร
4 มหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย ( University of British Columbia) แคนาดา
5 มหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ ( The University of Auckland) นิวซีแลนด์
6 อิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน ( Imperial College London) สหราชอาณาจักร
7 มหาวิทยาลัยซิดนีย์ ( The University of Sydney) ออสเตรเลีย
8 มหาวิทยาลัยลุนด์ ( Lund University) สวีเดน
9 มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ( The University of Melbourne) ออสเตรเลีย
10 มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ( Western University) แคนาดา
11 มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ( UNSW Sydney)ออสเตรเลีย
12 มหาวิทยาลัยอุปซอลา ( Uppsala University) สวีเดน
13 มหาวิทยาลัยแมคกิลล์ ( McGill University) แคนาดา
14 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดลฟท์ ( Delft University of Technology) เนเธอร์แลนด์
15 สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ( MIT) สหรัฐอเมริกา
16 มหาวิทยาลัยเอดินเบอระ ( The University of Edinburgh) สหราชอาณาจักร
17 มหาวิทยาลัยบริสตอล ( University of Bristol) สหราชอาณาจักร
18 สถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิสในซูริก ( ETH Zurich) สวิตเซอร์แลนด์
19 มหาวิทยาลัยเดอรัม ( University of Durham) สหราชอาณาจักร
20 มหาวิทยาลัยกลาสโกว์ ( University of Glasgow) สหราชอาณาจักร