“มาดามเดียร์-ศิริพงษ์” ลุยให้ความรู้ ปชช.มีส่วนร่วมพัฒนาชุมชน เตรียมผลักดันให้บรรจุครูพี่เลี้ยงเป็นข้าราชการ ยกระดับสวัสดิการและคุณภาพชีวิต
คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กทม.เขตหนองจอก พรรคพลังประชารัฐ จัดสัมมนาการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาชุมชน โดยมี น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ร่วมพบปะพูดคุย และมีพี่น้องประชาชนในเขตหนองจอก ที่ค่ายลูกเสือกรุงเทพวันวาน เขตหนองจอก รวมถึง ครูพี่เลี้ยง ที่สนใจเข้ารับฟังจำนวนกว่า 300 คน
โดยนายศิริพงษ์ กล่าวว่า ในฐานะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ ถือเป็นกลไกของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งมีหน้าที่ในการเผยแพร่และส่งเสริมการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน เสรีภาพ การแสดงความเห็น และส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมือง รวมไปถึงการตรวจสอบอำนาจรัฐ วันนี้จึงรู้สึกดีใจที่ได้เห็นกลุ่มสตรีและประชาชนชาวหนองจอกที่มาร่วมงาน ให้ความสำคัญด้านการเมือง เพราะการเมืองมีส่วนเกี่ยวพันกับชีวิตประจำวันของเราตลอดเวลา
ด้าน น.ส.วทันยา กล่าวว่า บทบาทของ ครูพี่เลี้ยง มีความสำคัญต่อการพัฒนาชุมชน เป็นหน้าที่ที่เป็นยิ่งใหญ่และใหญ่หลวง เพราะเป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝังเด็กที่จะเติบโตให้เป็นผู้ใหญ่ที่ดี ขณะเดียวกัน สวัสดิการของครูพี่เลี้ยงก็สำคัญเช่นกัน เพราะทราบมาว่า การเป็นครูพี่เลี้ยงไม่ใช่ตำแหน่งเทียบเท่าครูที่บรรจุ สวัสดิการต่างๆ ก็จะไม่เท่ากัน ดังนั้น ในฐานะ ส.ส.ที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เราจะนำปัญหาเหล่านี้ไปช่วยผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก้ปัญหาต่อไป
“มาดามเดียร์” ยอมรับ เสียดายสภาคว่ำร่าง รธน. แต่เคารพการตัดสินใจของทุกฝ่าย พร้อมยืนยัน พปชร.จริงใจแก้ไข รธน.หวังใช้เวทีสภาเป็นเสาหลักเดินหน้าต่อ
น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ประชุมร่วมรัฐสภาลงมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 ว่า ส่วนตัวรู้สึกเสียดาย เพราะกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เริ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2562 ที่ได้ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนมาถึงการลงมติผ่านร่าง 2 วาระ ใช้เวลา 1 ปี 2 เดือน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนหาทางออกประเทศผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเป็นกระบวนการสำคัญในการใช้เวทีสภาให้ประชาชนมีส่วนร่วมผลักดันในสิ่งที่เขาต้องการ จึงน่าเสียดายที่เราใช้เวลาและงบประมาณที่ทำมา ก็เคารพในการตัดสินใจของสมาชิกรัฐสภาและเคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และหวังให้รัฐสภาเป็นเวทีกลางให้ประชาชน รวมถึงสมาชิกขับเคลื่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปได้
“คงไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐไม่จริงใจ แต่ในส่วนของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเองก็มีนักกฎหมายออกมาให้ความเห็นที่แตกต่างกันออกไป ประกอบกับที่ปรึกษากฎหมายของสภาก็ระบุว่า โหวตไม่ได้ ดังนั้นพอมาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจลงมติ เลยทำให้สมาชิกที่จะใช้สิทธิโหวตต้องคำนึงถึงความละเอียดอ่อนของกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา” น.ส.วทันยาระบุ
เมื่อถามว่าการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญจะเป็นเงื่อนไขให้ผู้ชุมนุมนำไปเคลื่อนไหวโจมตี หรือไม่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า หลังจากนี้รัฐบาลและสมาชิกพรรคการเมือง และสมาชิกรัฐสภา คงต้องแสดงท่าทีที่จริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะการับฟังความเห็นประชาชน อย่างไรก็ดีเชื่อว่ารัฐสภาก็ยังเป็นเสาหลักในการแก้ไขและผลักดันข้อกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ เพราะไม่มีอะไรที่ดี 100% แต่เมื่อพบจุดบกพร่องก็ควรแก้ไข
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news