การสลับขั้วทางการเมืองจาก “ก้าวไกล” ไปจับมือกับ ”ฝั่งอนุรักษ์นิยมขวาจัด” เพื่อจัดตั้ง ” รัฐบาลเศรษฐา” ของ ”นช.ทักษิณ ชินวัตร” ผู้นำแห่งจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย เป็นกลเกมการเมืองอยู่ในแผนการมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทั้งนี้เพื่อความสะดวกและ ปลอดภัยขั้นสูงสุด ต่อภารกิจหลัก “พาทักษิณกลับบ้าน”ผ่านสมรภูมินิติสงคราม มารับโทษในคดีทุจริต ตามคำพิพากษาเด็ดขาดของศาล ตกลงให้ใช้ นิติบริกร ของ “รัฐบาลลุงตู่” และมี “ระเบียบใหม่กรมราชทัณฑ์เป็นออฟชั่นให้เลือก โดยมีไฟต์บังคับกับ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ซึ่งขณะนั้นยังเป็น “พลังประชารัฐ”กุมอำนาจรัฐ และคุมสภาพทางการเมืองอยู่ในมือมากสุด..
การจับมือกับ ”พรรคก้าวไกล” เพื่อความก้าวหน้าสูงสุด และกลับมาประชาธิปไตยเป็นพันธมิตรเพียงสูตรเดียวทางการเมืองก็จริง แต่เป็น อนาคตทางการเมือง ตามคำตอกย้ำของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”ในแผนเดินทีละก้าวกินข้าวทีละคำ จะเกิดขึ้นหลัง “ทักษิณ”พ้นโทษออกมาจากคุกแล้วเท่านั้น ซึ่งอาจเป็น “โมเดลนักโทษเทวดา” ให้น้องสาว “อดีตนายกยิ่งลักษณ์”เดินตามรอยกลับมาในรูปแบบเดียวกันก็เป็นเรื่องทีหลัง..
“ทักษิณ” เดินเกมสองหน้า เล่นการเมืองแบบกินรวบ บริการจัดการให้ “เพื่อไทย”เป็นพรรคการเมืองหลัก ในสถานการณ์ได้ทั้งปัจจุบันและอนาคต สามารถจับขั้วได้กับ “ฝั่งก้าวไกล”และ “ฝ่ายอนุรักษ์”รวมไทยสร้างชาติ หรือ พลังประชารัฐ กระทั่ง ภูมิใจไทย หากยังคงสภาพเป็นพรรคการเมืองอยู่ได้ในสมัยเลือกตั้งหน้า
ทั้ง 3 พรรคเหล่านี้ โอกาสร่วมกับ “ก้าวไทย”เท่ากับศูนย์ ด้วยความขัดกันทางการเมืองและความชัดเจนต่ออุดมการณ์ของ “ก้าวไกล”เอง ซึ่งเป็นจุดขาย “กลุ่มก้าวหน้า”เป็นเป้าหมาย โดยไม่ต้องลุ้นถึง “คดีถือหุ้นสื่อitv”ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หรือ “คดีล้มการปกครอง”ซึ่งอาจเป็น ดาบสองคม ทำให้ พรรคก้าวไกล ได้คะแนนสงสารอย่างที่เคยได้รับความนิยมสูงขึ้น จาก คดียุบพรรคอนาคตใหม่ มาแล้วก็เป็นได้
“พรรคเพื่อไทย”เดินเกมการเมืองได้แหลมคม วางจังหวะจะโคน รับ รุกและรบ แต่ละฉากได้เปรียบเชิงการเมือง หักเหลี่ยมโหดรุกไล่ชิงอำนาจได้ทุกสมรภูมิแม้ผลการเลือกตั้งแต้มจะตกเป็นรอง พรรคก้าวไกล ด้วยคะแนนเสียงความนิยมกว่าร้อยละ 70 ของประเทศ จังหวะเชิงรับ หน้าฉาก ใช้ ความสงบสยบความเคลื่อนไหวลดฟิว ฟรีเวอร์ ด้อมส้ม ฉากหลัง กลับเปิด เกมรุก เต็มพิกัด พลิกเหลี่ยมโหด “กินรวบรอบวง” จัด “ขั้วการเมืองใหม่” ร่วมกับ “ฝ่ายอนุรักษ์ใหม่”เข้าวินมาเป็นรัฐบาลได้สำเร็จ เดินหน้าย่างสามขุมตามแผน “พาทักษิณกลับบ้าน”ได้เป็นรูปธรรมเพียงหนึ่งเดียว มากกว่า “โครงการแจกเงินดิจิตอล”และนโยบายอื่นๆที่ยังเน้นตีความข้อกฎหมาย..
“นช.ทักษิณ” นอนบ้านพักแทนขังคุกตามระเบียบใหม่กรมราชทัณฑ์ อาจเป็นวิกฤตความเชื่อมั่นส่งผลต่อบรรยากาศทางการเมืองในโมงยามนั้นหรือไม่ ส่งต่อการดำเนินการของ กระบวนการยุติธรรม ผลประโยชน์ทางการเมือง ส่งผลต่ออำนาจบริหารเป็น “วิกฤตเศรษฐกิจ”ตามความคาดการณ์ของ “รัฐบาลเศรษฐา” ที่จะขับเคลื่อน ต่อยอดนโยบายประชานิยม แจกเงินดิจิตอลจาก พรบ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท รู้ทั้งรู้ช่องทางความเป็นไปได้ทางข้อกฎหมายแทบไม่มี อนาคตอาจนำพาครม.เข้าสู้พื้นที่อันตรายเสียด้วยซ้ำ
แต่ยังหล่อเลี้ยงกระแส ยังพยายามสร้างภาพเพื่อหวังผลทางการเมือง หากแต่ความหมายของคำว่า “วิกฤต เศรษฐกิจ” เข้าลูปตีความ คำปรึกษาของคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้การดำเนินการนโยบายของรัฐบาลเป็นไปตามกฎหมายซึ่ง “ไม่ใช่ไฟเขียว” หากแต่เป็น “ไฟเหลือง”หรือไฟเตือนอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น ในทางเศรษฐศาสตร์ “วิกฤตเศรษฐกิจ” ใช้เรียกสถานการณ์ที่ประเทศใดประเทศหนึ่งประสบกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างกระทันหันหรือไม่ มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จนทำให้อัตราว่างงานสูง มูลค่าตลาดหุ้นตกต่ำ เกิดภาวะขาดความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ ประชาชนเดือดร้อนไปทั่วประเทศหรือไม่..มิใช่เพียงเฉพาะ “กลุ่มทุนการเมือง”ที่เกาะกินแสวงหาผลกำไรสูงสุดยังไม่บรรลุผลตามเป้า..!?
พบกับคอลัมน์ธงนำข่าวโดย บก.พี่ลุง ได้ทุกวันพฤหัสบดี แล้วร่วมติดตามอนาคตประเทศไทยไปพร้อมกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews