มองผ่านรูปเกม “นิติสงคราม”ครึ่งแรก ในคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ แค่แจกใบเหลืองหรือเตือนการกระทำของ “ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ให้รอดคดีถือ หุ้นitv.ไปต่อได้ ท่ามกลางฟีลความยินดีของบรรดากองเชียร์ด้อมส้ม กับการได้กลับมาทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในสภาฯ อีกคราว
แม้ “พิธา”จะยังไม่มีการขยับปรับเปลี่ยนกลับตำแหน่ง “หัวหน้าพรรคก้าวไกล”และ “ผู้นำฝ่ายค้าน”ที่ “ชัยธวัช ตุลาธน”ลงเล่นคั่นเวลา หากแต่ “พรรคก้าวไกล”และ “พิธา”ยังมี “คดีล้มล้างการปกครอง”รอศาลชี้ชะตา 31 มกราคม เป็น “ครึ่งหลัง”ของเกม ในห้วงฤดูกาลแห่งสมัยการเลือกตั้งนี้ ซึ่งนัยทางการเมืองของ พรรคก้าวไกล และ “พิธา”มิน่าจะถูกใบแดงหรือกรรมการไล่ออกจากสนามการต่อสู้ทางการเมือง หรือให้คำตัดสินเป็นเหตุให้ “นักร้องอาชีพ”หยิบยกไปเป็นคดีร้องให้ยุบพรรคในอนาคตได้
เนื่องจากมุมมองในหลายมิติทั้ง นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ กระทั่งคณิตศาสตร์การเมือง การยุบก้าวไกลเพียงแค่พรรคเสียคะแนนสส.ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรครวมถึง “พิธา”ด้วยนั้นไม่ถึง 10 ที่นั่ง ที่สำคัญไม่น่าจะเป็นผลดีหรือ “ได้ไม่คุ้มเสีย”ทางการเมืองในอนาคต
หากย้อนดูจากผลของการยุบ “พรรคอนาคตใหม่”กับการกลับมาได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนเกินคาดในนาม “พรรคก้าวไกล”มากกว่าเท่าตัว เฉกเช่นเดียวกันหากการยุบ “ก้าวไกล”เกิดขึ้นกลับเป็นการ “ยิ่งตียิ่งดัง”พรรคอาจได้ “คะแนนสงสาร”เพิ่มมากขึ้นอีก ด้วยการที่พรรคก้าวไกลได้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ “นิติสงคราม” ไว้เป็นอย่างดีแล้ว ด้วยบุคลากรจากรุ่นสู่รุ่น แนวคิดและการทำงานการเมืองแบบคู่ขนานกันไปซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นพรรคการเมืองพรรคเดียวได้เสียงข้างมากในสภาฯของฝ่ายตรงข้าม..
สถานการณ์การเมืองโมงยามนี้ น่าจับตาทางออกของ “รัฐบาลเศรษฐา” ใน “ดีลจัดตั้งรัฐบาล”เสียมากกว่า การสลับขั้วจาก “พรรคก้าวไกล”มาเป็น “พรรค 2 ลุง ”ฝั่งอนุรักษ์นิยมขวาจัดอันเป็นต้นทุนที่ต้องเสียไปกับภารกิจการกลับมาของ “นช.ทักษิณ” โดยมีข้อตกลงที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.)และสมาชิกวุฒิสภาต้องออกมา “ทวงถาม” ด้วยการลงชื่อยื่นญัตติ “การอภิปรายทั่วไป” โดยจะมีขึ้นก่อนสว.หมดวาระเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ ไม่เช่นนั้น “นิติสงคราม” เต็มรูปแบบจะเกิดขึ้นกับ “รัฐบาลเพื่อไทย”อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..
นอกเหนือจากตัวประกัน”นักโทษเทวดา” ในโรงพยาบาลและ “คดีความทางการเมือง”ของเพื่อไทยอีกมากจะกลายเป็น “ชนวน”นำเข้าสู่สมภูมิรบ ด้วยเงื่อนเวลาที่ “รัฐบาลเศรษฐา”จะต้องเดินตาม “ข้อตกลง”พันธสัญญาในดีล “เปลี่ยนตัวนายก”เปิดทางให้มีการปรับครม.ใหม่
การเสนอออกเป็น “พรก.เงินกู้”แทนการพลักดันเป็นพรบ.และไม่ผ่านความเห็นของครม.ด้วยเหตุผลไม่เข้าเงื่อนไขเร่งด่วนเศรษฐกิจไม่วิกฤติตามการยืนยันของ “ผู้ว่าแบงก์ชาติ” เป็นทางลงใน “โครงการแจกเงินดิจิตอล” ของรัฐบาลและเป็น “ทางออก”ตาม “ดีลจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว”นายกฯลาออกจากตำแหน่ง ส่วนใครจะเสนอตัวให้รัฐสภาโหวตรับรองโดยที่ยังมี “250 สว.” ร่วมด้วยซึ่งเป็น “ดีลลับ”ไม่จำเป็นต้องอธิบายด้วยเหตุผล “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค”แห่งรวมไทยสร้างชาติ หรือผู้มีรายชื่อเป็น “แคนดิเดตนายก”ของพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะต้องเป็นห้วงเวลาที่ “พรรคเพื่อไทย”มิอาจกลับหลังไปจูบปากคืนดีกับ “ก้าวไกล”ได้..
“นิติสงคราม”เป็นการใช้กฏหมายเพื่อทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามให้เสียหายหรืออ่อนแอลงและสูญเสียการสนับสนุนจากสาธารณะชนและหมดพลังอำนาจเพื่อการต่อต้าน เป็นการออกแบบรัฐธรรมนูญของ “ฝ่ายอนุรักษ์ขวาจัด”ในปัจจุบันในนาม”คสช.”ขณะนั้น ด้วย “การรัฐประหาร”และใช้ “ตุลาการภิวัตน์”ใน “นิติรัฐ”โดยกฏหมายเป็นใหญ่ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยจากการยึดอำนาจ แต่งตั้งคณะบุคคลในองค์กรอิสระตามการออกแบบโดย “คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ”เป็น “ประชาธิปไตยจำแลง” ไม่ได้รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ให้สิทธิ์และหน้าที่ประชาชนเลือกผู้แทนฯแต่ไม่ได้เป็นผู้ตัดสิน กลับได้สส.และ “รัฐบาลทุนนิยมผูกขาด”เฉกเช่นปัจจุบัน..!!
พบกับคอลัมน์ธงนำข่าวโดย บก.พี่ลุง ได้ทุกวันพฤหัสบดี แล้วร่วมติดตามอนาคตประเทศไทยไปพร้อมกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
