“อนุทิน” ย้ำรัฐบาลมุ่งมั่นให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทุนมนุษย์ เพื่อยกระดับประเทศไทย ให้เป็นประเทศที่มีรายได้สูง ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมทั้งบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ให้สำเร็จภายในปี 2030
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มอบหมายนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานเปิดการประชุมเวทีนโยบายระดับสูง ทิศทางการพัฒนาทักษะทุนชีวิต เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของประเทศไทย โดยมี ประธานกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศบรูไนดารุสซาลาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน เข้าร่วม
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ในนามของนายกรัฐมนตรี และในฐานะตัวแทนรัฐบาลประเทศไทย และคนไทยมีศักยภาพที่จะก้าวออกจากกับดักรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศรายได้สูงได้ ภายในทศวรรษหน้า แต่ที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่ได้ดึงศักยภาพของคนไทยหลายล้านคนออกมาใช้อย่างเต็มที่ เพราะปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและการพัฒนากำลังคน การลงทุนพัฒนาทุนมนุษย์ในคนไทยทุกคนอย่างเสมอภาค คือรากฐานสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ที่จะทำให้สามารถออกจากกับดักรายได้ปานกลาง เราเห็นสัญญาณของปัญหาที่เกิดจากความเหลื่อมล้ำนี้มาเป็นเวลานาน ทั้งจากการวัดผลด้านทักษะระดับประเทศ และระดับนานาชาติ ความแตกต่างระหว่างผู้มีโอกาสและผู้ด้อยโอกาส มีช่วงห่างที่กว้างขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเราไม่ได้นิ่งนอนใจ
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการพัฒนาแนวทางเชิงกลยุทธ์ ผ่านโครงการสำรวจทักษะและความพร้อมของเยาวชนและประชากรวัยแรงงาน ในช่วงอายุ 15-64 ปี ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการใช้ข้อมูลการวัดระดับทักษะ เพื่อให้ได้เห็นภาพศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ตามความเป็นจริง ซึ่งผลการสำรวจดังกล่าว จะช่วยให้รัฐบาลและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เห็นจุดสำคัญ ทั้งในด้านช่องว่างทางทักษะ และการขาดแคลนทักษะที่เป็นต้นทุนในชีวิต ได้แก่ การรู้หนังสือ ทักษะดิจิทัล ทักษะทางอารมณ์และสังคม ซึ่งเป็นทักษะขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายในชีวิต ในศตวรรษที่ 21 ข้อค้นพบ และข้อเสนอนโยบายจากงานวิจัยนี้ จะช่วยให้ประเทศไทยมี Roadmap
การพัฒนาทุนมนุษย์ทุกช่วงวัยที่ตรงจุด สร้างผลลัพธ์ในการพัฒนาคนได้สูงที่สุด รวมทั้งช่วยให้ภาคเอกชน ทั้งในประเทศไทยและในระดับนานาชาติ มีความมั่นใจในการลงทุนเพื่ออนาคต อันจะนำไปสู่การยกระดับเศรษฐกิจของประเทศไทย ไปสู่ประเทศรายได้สูงในทศวรรษหน้า
รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ประเทศไทยจะเผชิญกับต้นทุนทางเศรษฐกิจ หากไม่เร่งดำเนินการเรื่องการพัฒนาคน จะติดอยู่ในกับดักรายได้ปานกลาง เราเดินมาถึงจุดเปลี่ยน ที่ต้องการ “การบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน” ในการสร้างระบบนิเวศของการศึกษา และการฝึกอบรมให้เข้มแข็ง ยืดหยุ่นและยั่งยืน ที่ผ่านมา รัฐบาลมีความมุ่งมั่น และมีนโยบายส่งเสริมและพัฒนาทักษะให้แก่เด็ก เยาวชนและประชาชน ผ่านการศึกษาและการฝึกอบรม เพื่อสร้างโอกาสและเส้นทางสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ที่ดีขึ้น เช่น นโยบาย “Thailand Zero Dropout” หรือ “Learn to Earn” สำหรับทุกช่วงวัย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทักษะการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงในการประกอบอาชีพ รวมถึงการที่รัฐบาลพยายามเชิญชวนภาคธุรกิจเอกชนจากทั่วโลกที่มีจุดแข็ง ที่หลากหลายเข้ามาร่วมลงทุน ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญก็คือ ความร่วมมือเพื่อยกระดับการพัฒนาทุนมนุษย์ สนับสนุนการเรียนรู้ และการฝึกอบรมทักษะที่ต้องมีในตลาดแรงงาน สำหรับคนไทยทุกช่วงวัย
“ความพยายามทั้งหมดนี้ คือ สัญญาประชาคม สู่สังคมแห่งการเรียนรู้” ที่รัฐบาลมีต่อคนไทยทุกคน เพื่อให้เยาวชนและคนไทยทุกคนมีโอกาสที่จะเรียน ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะที่เปราะบางเพียงใด เพราะเราเชื่อว่า สังคมแห่งการเรียนรู้ เป็นรากฐานสำคัญของประเทศ ไม่ว่าจะในเชิงเศรษฐกิจหรือสังคม ขอย้ำว่ารัฐบาลมีความมุ่งมั่นและให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทุนมนุษย์ เพื่อยกระดับประเทศไทย ให้เป็นประเทศที่มีรายได้สูง ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมทั้งบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ได้สำเร็จภายในปี 2030
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews