Home
|
ข่าว

ธงนำข่าว | “นิติสงคราม” สู่ “ทุทรรศนนิยม”!

Featured Image

          ความขัดแย้งในโลกแห่ง พ.ศ. 2567 ส่งผลสะเทือนต่อความมั่นคงของมนุษย์และเศรษฐกิจ ผู้คนกำลังเผชิญกับความตกต่ำในอารมณ์ของมนุษยชาติทาง “ทุทรรศนนิยม” หรือ “ทฤษฎีมองโลกในแง่ร้าย” ชีวิต และ มนุษย์ ในสภาพเลวร้ายจนไม่สามารถจะดีไปกว่านี้ได้ เฉกเช่นสถานการณ์การเมืองไทยยุค “นิติสงคราม” รูปแบบการรุกรบ การทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามโดยไม่ต้องใช้อาวุธของ “ฝ่ายอำนาจนิยม” เข้าปฏิบัติการด้วยกฎหมาย และ กระบวนการยุติธรรม เป็นเครื่องมือเข้าห้ำหั่นประจัญบานแทน   “คดียุบพรรคก้าวไกล” และ “คดีล้มล้างการปกครอง” ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” โดยพุ่งเป้าโจมตีหมาย “สังหารชีวิตทางการเมือง” แม่ทัพใหญ่ และ ทำลายฐานที่มั่นแหล่งผลิต แนวคิดในข้อหาซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับฝ่ายตน เป็นเกมบังคับบนกระดานการเมือง ส่วน “คดีความผิด112ทักษิณ” เสมือนผู้ต้องหาถูกจับเป็น “ตัวประกัน”..

          ปฏิบัติการที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อความล้มเหลวด้านบริหารประเทศ ของ “รัฐบาลพรรคเพื่อไทย” เกิดอาการอัมพาตของรัฐสภา แห่ง “นิติบัญญัติ” ซึ่งไม่สามารถออกกฎหมายมาบังคับใช้ได้ ภายใต้ผลประโยชน์ขัดกัน และความไม่หลงเหลือความน่าเชื่อถือในความป่นปี้แห่งกระบวนการยุติธรรม ลงลึกถึงระดับฐานกำลังในทุกวงการ ตำรวจ ทหาร และ ข้าราชการ ตกเป็น “หมากเบี้ย” ส่วนปฏิบัติการ นอกเหนือ “องค์กรอิสระ” ซึ่งเป็น “เครื่องมือทางการเมือง” ของ “ฝ่ายอำนาจนิยม” ถูกออกแบบโดยรัฐธรรมนูญต้นไม้พิษอยู่แล้ว เป็นการทำลายความชอบธรรม บนความแตกต่างเพื่อสร้างความเชื่อมั่นขึ้นมาใหม่ต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น

          สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น ในทางการเมืองมีทั้งเป็นรูปธรรม ที่มองเห็นและในนามธรรม ที่แฝงอยู่ภายใน จนกว่าจะแสดงตัวตนออกมาในแต่ละ “สมรภูมิรบ” มหาโจรไม่จำเป็นต้องหน้าโหดเหี้ยม ยิ่งงูพิษจะเลื้อยเชื่องช้าและเงียบกริบ เฉกเช่น “ดีลลับการเมือง” โดยเฉพาะสังคมผู้นิยมบริโภคกระพี้มากกว่าแก่น การประทับตราความดีและความชั่ว เสมือนคนเคยชั่วจะไม่ทำดีอีก หรือ คนเคยดีจะไม่ทำชั่ว การวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองของคอการเมือง ตามทฤษฎีถึงกับออกมาหักปากกาเซียนแบบตายหมู่มากต่อมาก ซอพต์พาวเวอร์การเมืองไทย ไร้อุดมการณ์มารองรับ ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์แห่งอำนาจและตำแหน่ง โดยมองข้ามเสียงสวรรค์อย่างสิ้นเชิง ประชาชนลงคะแนนเลือกตั้งเสมือนเป็นการกำหนดชะตากรรมประเทศ แต่กลับให้อำนาจคนเพียงหยิบมือเป็นฝ่ายตัดสินอนาคตชาติในเกม “นิติสงคราม”

          “ดีลจัดตั้งรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน” ข้ามขั้วการเมืองต่างอุดมการณ์กัน กับภารกิจ “พา 2 อดีตนายกฯกลับบ้าน” เนียบกริบไร้ร่องรอย หากแต่ทาง “การศึก” มีความเข้มข้นยิ่ง เป็นการเก็บชัยชนะชนิดสนามต่อสนาม เป็นยุทธการ แบบ “ยื่นหมูยื่นแมว” ไร้ความไว้วางใจ ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรทางการเมือง โดยแท้ เป้าหมายสูงสุดของแต่ละฝ่ายเป็นรูปธรรมในแต่ละสมรภูมิ ตั้งแต่ “คดีอดีตนายกยิ่งลักษณ์ฮั้วโรดโชว์” แลกกับตำแหน่งรัฐมนตรี ใน “โควตา” พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ด้วยการ “ไม่ยื่นอุทธรณ์คดี” ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ใน “เครือข่ายลุงป้อม” “คดี 112 ทักษิณ” ต้องตกเป็น “ตัวประกันทางการเมือง” ผ่าน “ฤดูกาลเลือกตั้ง” อาจต้องแลกด้วยตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรีเพื่อไทย” กับ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” (รทสช.) การบริหาร “ดีลลับ” ของ “ฝั่งอนุรักษณ์นิยม” กับ “ฝ่ายเพื่อไทย” จะจัดการแบบต่างตอบแทนดีลต่อดีล เกมบังคับให้เดิน แบบไม่มีการเทรักหักเหลี่ยมโหดให้กลับไปคืนดีกับ “พรรคก้าวไกล”  โดย “โครงการดิจิทัลวอลเล็ต” อาจเป็นทางลงและทางออกให้กับ “ดีลใหญ่” แม้ดูเหมือนจะ “ไร้เหตุผล” แต่มี “คดี112ของทักษิณ” การันตีเป็นหลักประหารทางการเมืองเฉกเช่นกัน..

          การขับเคลื่อนพลเข้าสู่ “นิติสงคราม” กรำศึกกับ “พรรคก้าวไกล” ทั้ง “คดีความผิดจริยธรรมร้ายแรง” ของ ปปช. และ “คดียุบพรรค” จะถูกส่งเข้าหลักประหารชีวิตทางการเมืองในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ ห้วงเวลาเป็นเพียงการบริหารจัดการตามจังหวะจะโคนในเกม แต่ยังมีความสุ่มเสี่ยงต่อ “ความพ่ายแพ้” ใน “สนามเลือกตั้ง” ฤดูกาลหน้า ด้วยบทพิสูจน์ความนิยมแห่ง “ด้อมส้ม” และ “กลุ่มกลายพันธุ์” ของพรรคก้าวไกลจะเปลี่ยนเป็น “คะแนนความสงสาร” กลายเป็น “ยิ่งยุบยิ่งโต” ได้หรือไม่ “การเลือกตั้ง 200 สว.” ที่จะมีขึ้นอาจเป็นสนามทดสอบกระแสการเมือง  “สว.ส้ม” จะเข้าวินมากน้อยเพียงใด แม้จะไม่ส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาล หากแต่ “200 สว.” ยังทรงพลังแห่งการทำลายล้างตีโต้กลับ ขุดรากถอนโคน และ ถอดถอนกรรมการในทุกองค์กรอิสระได้ กระทั่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับหากบวกกับ สส. ฝ่ายประชาธิปไตยได้คะแนนเสียงเกิน 2 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภา..

          ความร้อนแรงทางการเมืองมากน้อยเพียงใด ด้วยสภาพคนช้ำรักหัวอกเดียวกัน เพื่อไทยที่เคยถูกยุบพรรค และ ชะตากรรมทางการเมืองดั่งชีวิตที่ถูกประหารเหมือนกัน โอกาส “ดีลแตก” พรรคเพื่อไทย จะกลับไปจับมือก้าวไกล ก็มีความเป็นได้เพื่อข้ออ้างความเป็น “ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์”

         หรือเป็นเกมของ “ฝ่ายอนุรักษ์ฯ” เดินแนว สมประโยชน์ กับ “เพื่อไทย” แบบ “สมบัติผลัดกันชม” จนผู้คนเบื่อหน่ายมองโลกในแง่ร้าย ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ใช้ทฤษฎี “ทุทรรศนนิยม” เข้าทางการเมืองแบบ “ฝนตกขี้หมูไหลคนจัญไรมาพบกัน” วนไป..เฉกเช่นนั้น..!?

 

พบกับคอลัมน์ธงนำข่าวโดย บก.พี่ลุง ได้ทุกวันพฤหัสบดี แล้วร่วมติดตามอนาคตประเทศไทยไปพร้อมกัน

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube