รุดตรวจสอบชายหาดนาจอมเทียน ถูกกัดเซาะจากคลื่นลมมรสุม ระยะทาง 1,000 เมตร จัดทำป้ายแจ้งเตือน หลีกเลี่ยงการใช้พื้นที่ชั่วคราว
นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา พร้อมด้วย นางสาวระพีพรรณ รัตนเหลี่ยม นายกเทศมนตรีตำบลนาจอมเทียน เจ้าหน้าที่เจ้าท่าพัทยา เจ้าหน้าที่ที่กองช่างเทศบาลนาจอมเทียน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพปัญหาทรายถูกกัดเซาะจากคลื่นลมมรสุม บริเวณชายหาดนาจอมเทียน ตรงข้ามร้านปูเป็น เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไข
นายเอกราช เผยว่า สำหรับสภาพปัญหาชายหาดนาจอมเทียนที่เกิดในขณะนี้ เกิดจากในช่วงนี้เป็นช่วงลมมรสุมและฤดูฝนทำให้พื้นที่อ่าวไทยมีพายุและฝน ทั้งนี้พื้นที่ชายหาดนาจอมเทียนที่กรมเจ้าท่าได้มาดำเนินการเสริมทรายไว้นั้นเป็นพื้นที่หาดทรายเปิดและมีพื้นที่เชื่อมต่อทะเลโดยตรง ระยะทาง 2.8 กิโลเมตร ทั้งนี้เมื่อมีลมมรสุมเกิดขึ้นก็จะทำให้เกิดคลื่นในทะเล และคลื่นในทะเลเข้าสู่ฝั่งก็จะเกิดปรากฎการธรรมชาติที่มีการกัดเซาะบริเวณฝั่ง โดยแนวการกัดเซาะก็จะเป็นไปตามไหล่ของชายฝั่งนั้น ส่วนที่ปรากฎบริเวณชายหาดนาจอมเทียนนั้นพบว่าพื้นที่ชายหาดระยะทาง 1,000 เมตร
ที่กรมเจ้าท่าได้เสริมทรายถูกกัดเซาะลงทะเล และมีพื้นชายหาดระยะทาง 400 เมตร ถูกกัดเซาะลาดชันลงไป 1.5 เมตร ส่งผลทำให้พื้นที่ชายหาดที่ถูกกัดเซาะลากชันลงไป 1.5 เมตร มีความไม่ปลอดภัยต่อประชาชนและนักท่องเที่ยว ด้วยชั้นของทรายที่สะสมขึ้นเป็นเนินมีความสูงกับระดับพื้นทรายที่เป็นสโลปเดิม หวั่นก่อให้เกิดอันตรายหากมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามาพักผ่อนบริเวณดังกล่าวในเวลาค่ำคืนก็อาจจะพัดตกลงไปได้
เบื้องต้นเจ้าท่าพัทยาและเทศบาลนาจอมเทียน ได้ออกมาตรการความปลอดภัยเร่งด่วน ด้วยการปรับพื้นที่มีความลาดชันของบริเวณหน้าหาดที่มีความสูง 1.5 เมตร ให้มีความลาดชั้นลดลงและที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยจะมีการนำเครื่องมือหนักเข้าดำเนินการปรับเกลี่ยทราย พร้อมตักทรายที่ถูกลมพัดลงทะเลขึ้นมา หลังจากนี้ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ 2-3 วัน อีกทั้งจะมีการจัดทำป้ายแจ้งเตือนบอกถึงสภาพปัญหาขิงพื้นที่ชายหาดบริเวณดังกล่าวที่ถูกกัดเซา
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
