เริ่ม AI Tranformation ธุรกิจของเรายังไง ในวันที่คนอื่นไปไกลแล้ว
ผลสำรวจของ Deloitte พบว่าผู้บริหารระดับสูง 250 ท่าน มีมุมมอง AI กับธุรกิจของตัวเอง ดังนี้
- 51% ต้องการให้ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพและฟังก์ชั่นของสินค้าและบริการในธุรกิจ
- 36% ต้องการให้ AI มาขยายความสามารถของธุรกิจ ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพภายใต้ข้อจำกัด
- 36% ต้องการให้ AI มาช่วยงานของพนักงาน เพื่อให้พนักงานมีเวลาไปใช้ในส่วนความคิดสร้างสรรค์
“ประเทศไทยมีศักยภาพโดดเด่นและโอกาสในการสร้างอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมดิจิทัลและ AI”
Satya Narayana Nadella, CEO of Microsoft
อย่างที่หลายๆ คนรู้กันอยู่แล้ว เมื่อช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ข่าวใหญ่สะเทือนวงการ Tech และ IT คงหนีไม่พ้น คุณ สัตยา นาเดลลา ซีอีโอของไมโครซอฟท์ประกาศพันธสัญญาตั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์และ AI ในประเทศไทย
นับว่าเป็นการตอกย้ำถึง “การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล” (Digital Transformation) ที่ทุกคนยอมรับว่าสิ่งนี้กำลังพลิกโฉมทุกแง่มุมของธุรกิจ อีกทั้งยังพร้อมเดินหน้าเสริมทักษะ AI ให้กับคนไทยมากกว่า 100,000 คน รวมถึงสนับสนุนชุมชนนักพัฒนาในประเทศไทย สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของไมโครซอฟท์ ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัล คลาวด์ และ AI ที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยก้าวเข้าสู่ฮับเศรษฐกิจดิจิทัล
ในเวลานี้อยากให้ทุกท่านย้อนกลับไปในธุรกิจตัวเองว่าเราว่าได้เริ่มก้าวในเส้นทาง Digital transformation แล้วหรือยัง …
AI Transformation เทคโนโลยีสำคัญในโลก Digital
AI Transformation หรือ “การเปลี่ยนแปลงธุรกิจด้วยปัญญาประดิษฐ์” คือ หนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญ และได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งในภาคธุรกิจและองค์กร การนำ AI เข้ามาช่วยในกระบวนการทำงาน ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว แม่นยำมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจ
ตัวอย่างการนำ AI มาใช้ในธุรกิจ AI Transformation เข้าใจไม่ยากอย่างที่คิด
Chatbots
เชื่อว่าธุรกิจของทุกท่านต้องมีการพูดคุย ตอบคำถามกับลูกค้าเป็นแน่ หลายท่านคงคุ้นเคยกับแชทบอท (Chatbots) ที่ช่วยตอบคำถามในเบื้องต้น
ในปัจจุบัน AI Chatbot ที่มีการนำเทคโนโลยี Natural Language Processing เข้ามาใช้งาน ช่วยให้บอทประมวลผลภาษาได้เก่งขึ้น แม่นยำขึ้น แยกแยะโครงสร้าง สรุปและจัดกลุ่มข้อความได้ อีกทั้งยังเรียนรู้ในการตอบคำถาม ทำให้แชทบอท AI ตอบคำถามได้ใกล้เคียงกับมนุษย์ ผู้ใช้งานจะรู้สึกเหมือนคุยกับพนักงานอยู่
อย่างเช่น Kik แชทบอทของ Sephora ร้านเครื่องสำอางชั้นนำของโลก ที่นอกจากจะช่วยแนะนำสินค้าให้ลูกค้าตามต้องการแล้ว ยังสามารถให้ tips ในการแต่งหน้าแบบต่าง ๆ แก่ลูกค้า พร้อมลิ้งค์ไปยังผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ ผลคือการสนทนานั้นสร้างความผูกพันที่ดีกับลูกค้าได้ดีเยี่ยม และนั้นทำให้สามารถสร้างโอกาสที่จะสร้างความประทับใจและเพิ่มยอดขายได้อีกด้วย
การสื่อสารผ่านผู้ช่วย AI
การสื่อสารผ่านผู้ช่วย AI ช่วยให้เขียนอีเมล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และทำได้แม่นยำมากขึ้น เช่น ช่วยเรียบเรียงเนื้อหาจดหมาย ตรวจสอบไวยากรณ์และการสะกดคำ ปรับแต่งเนื้อหา แปลภาษา จนไปถึงวิเคราะห์เนื้อหาอีเมล์ ซึ่งช่วยลดเวลาและประหยัดค่าใช้จ่าย
เปรียบเทียบระหว่างการใช้ AI กับไม่ใช้ พลังของเวลาที่ต่างกัน
กรณีไม่ใช้ AI:
- ต้องทำงานซ้ำๆ เสียเวลา ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน
- ข้อมูลลูกค้ากระจัดกระจาย วิเคราะห์ยาก ไม่เข้าใจความต้องการของลูกค้า
- ตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลไม่เพียงพอ มีความเสี่ยงสูง
- พลาดโอกาสทางธุรกิจ
กรณีใช้ AI:
- พนักงานมีเวลาทำงานเชิงรุก สร้างสรรค์งานใหม่ๆ
- เข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง พัฒนาสินค้า บริการ และกลยุทธ์ที่ตรงใจลูกค้า
- ตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยง
- ค้นพบโอกาสทางธุรกิจใหม่
“Time is more valuable than money. You can get more money, but you cannot get more time.”
โดย จิม โรห์น (นักเขียน นักพูดและนักสร้างแรงบันดาลใจ)
ผลสำรวจของ Deloitte กับผู้บริหารระดับสูง 250 ท่าน
- 51% ต้องการให้ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพและฟังก์ชั่นของสินค้าและบริการในธุรกิจ
- 36% ต้องการให้ AI มาขยายความสามารถของธุรกิจ ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพภายใต้ข้อจำกัด
- 36% ต้องการให้ AI มาช่วยงานของพนักงาน เพื่อให้พนักงานมีเวลาไปใช้ในส่วนความคิดสร้างสรรค์
ในช่วงปีที่ผ่านมา หลายธุรกิจนำ AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ตัดสินใจ ประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า
- Walmart: ใช้ AI เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการเติมสินค้า จัดการสินค้าคงคลัง และตรวจจับการฉ้อโกง
- Spotify: ใช้ AI เพื่อแนะนำเพลง สร้างเพลย์ลิสต์ ดูกระแสแนวโน้มของดนตรี
- PTT: ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการกลั่น เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และคาดการณ์ความต้องการตลาด
AI Transformation ในปี 2024 แม้อาจจะฟังดูง่าย แต่นับว่าเป็นโจทย์ที่ยากและความท้าทายสำหรับผู้บริหารพอสมควร ดังนั้นเราควรเพิ่มชุดความคิดขั้นพื้นฐานเพื่อปรับตัวให้ธุรกิจได้เริ่มและติดกระดุมเม็ดแรกอย่างถูกต้องในทีละขั้นตอน
- กำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่ชัดเจน
เช่นเดียวกับตอนเริ่มต้นทำธุรกิจ เราต้องมีวิสัยทัศน์ เริ่มวางรากฐานที่แข็งแรงเพื่อพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลง มีหัวข้อที่ควรนำมาคิดดังนี้
- เริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ภาพรวมธุรกิจ เข้าใจกลยุทธ์ เป้าหมาย และความท้าทาย
- กำหนด วิสัยทัศน์ ว่าต้องการนำ AI ไปใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายใด
- กำหนด เป้าหมายที่วัดผลได้ เพื่อติดตามประสิทธิภาพและความสำเร็จ
เพื่อให้ตกผลึกว่าธุรกิจของเราสามารถนำ AI เข้ามาใช้ส่วนไหนได้บ้าง เช่น การพูดคุยกับลูกค้า ,การผลิต ,การคำนวณต่าง ๆ แล้วลองรวมมันเข้ากับแผนธุรกิจดู จากนั้นกำหนดเป้าหมายขึ้นมาว่า AI จะช่วยบรรลุได้อย่างไร วัดผลอย่างไร
เช่น การตั้งวิสัยทัศน์ว่า “จะเป็นหนึ่งในผู้นำในด้านการบริการลูกค้า ด้วยประสบการณ์ที่เหนือกว่า ผ่านการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI ” กล่าวคือตั้งเป้าหมายไว้ว่า “ลดระยะเวลาการรอคิวลูกค้าลง 50% ภายใน 6 เดือน ด้วยระบบแชทบอทอัจฉริยะ” และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าในเรื่องของ UX, UI ที่ผ่านการวิเคราะห์มาจากการเก็บข้อมูลผ่าน AI
- ประเมินความพร้อมขององค์กร: เตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง
- วิเคราะห์ทรัพยากรที่มีอยู่: ประเมินข้อมูล บุคลากร งบประมาณ และ โครงสร้างพื้นฐานทางไอที ที่มีอยู่ ว่าเพียงพอต่อการใช้งาน AI หรือไม่
- ประเมินวัฒนธรรมองค์กร: วิเคราะห์ว่าพนักงาน ผู้บริหาร และ องค์กร โดยรวม มีความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง เรียนรู้สิ่งใหม่ และยอมรับ เทคโนโลยี AI หรือไม่
- วางแผนพัฒนาศักยภาพ: กำหนดกลยุทธ์เพื่อพัฒนาทักษะ ความรู้ และ วัฒนธรรม องค์กรให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
- ประเมินทรัพยากรที่มีอยู่ในมือ อาทิเช่น บุคลากร งบประมาณ โครงสร้างพื้นฐานเราเพียงพอต่อการปรับเปลี่ยน นำ AI มาใช่งานหรือไม่ จนไปถึงสิ่งที่สำคัญมากๆ อย่าง Mindset ของคนในองค์กรว่าพร้อมที่จะยอมรับหรือไม่ เพื่อที่ได้วางแผนพัฒนาการเรียนรู้ทักษะด้าน AI ให้ถูกจุด
- เลือกเทคโนโลยี AI ที่เหมาะสม
- ศึกษา เทคโนโลยี AI ประเภทต่างๆ
- เลือกเทคโนโลยีที่ตรงกับความต้องการ และเป้าหมาย ของธุรกิจ
- พิจารณาความน่าเชื่อถือ ของผู้ให้บริการ (อีกหนึ่งจุดสำคัญที่หลายคนมองข้ามคือเรื่องความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ AI ที่จะส่งผลโดยตรงกับความลับหรือข้อมูลในบริษัทของเรา)
- พัฒนาโครงการนำร่อง
- เริ่มต้นด้วยโครงการนำร่องขนาดเล็ก เพื่อทดสอบเทคโนโลยี AI ในสภาพแวดล้อมจริง
- เก็บรวบรวมข้อมูล และประเมินผล
- เรียนรู้จากประสบการณ์ และปรับปรุงกลยุทธ์
สิ่งที่สำคัญในขั้นตอนนี้คือ ให้พนักงาน “ทดลองใช้ AI” กับงานที่ทำอยู่ก่อน เพื่อให้เห็นข้อดีของการนำ AI มาใช้ เช่น โปรแกรม Microsoft 365 Copilot เป็นโปรแกรม Office แต่มี AI เข้ามาช่วย
โดยสามารถใช้งานง่าย และช่วยพลิกโฉมการทำงานได้อย่างไม่น่าเชื่อ หากสนใจอ่านเพิ่มเติมบทความ พลิกโฉมธุรกิจของคุณด้วย AI และ Microsoft Copilot
- ขยายการใช้งาน AI ในวงกว้าง
- นำ AI ไปประยุกต์ใช้ในส่วนต่างๆ ขององค์กร
- พัฒนาระบบและกระบวนการทำงานใหม่ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI
- ฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้และทักษะในการใช้ AI
หลังจากนำร่องขนาดเล็กไปแล้ว ถึงเวลาที่เราจะมาขยายสเกลให้ใหญ่ขึ้น หลายบริษัทจ้างหรือหาที่ปรึกษาด้าน AI โดยเฉพาะเพื่อมาพัฒนาธุรกิจ นับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและได้ผลที่ค่อนข้างเร็ว
- ติดตามผลและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง
- เก็บรวบรวมข้อมูล การใช้งาน AI
- วิเคราะห์ผลลัพธ์ และประเมินประสิทธิภาพ
- ปรับปรุงระบบและกระบวนการทำงาน อย่างต่อเนื่อง
ทั้งหมดเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่หลายบริษัทใช้เป็นโมเดลในการ AI Transformation ธุรกิจหรือองค์กร และเคล็ดลับความสำเร็จคือการสร้าง Mindset และการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ เพื่อเปิดรับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
เสริมพลัง AI ด้วย “Growth Mindset” และ “Culture of Learning”:
การใช้ AI ให้ประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องควบคู่ไปกับ “Growth Mindset” และ “Culture of Learning”
- Growth Mindset: พนักงานต้องมีมุมมองที่เชื่อว่า ความสามารถสามารถพัฒนาได้ กล้าที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่กลัวความผิดพลาด
- Culture of Learning: องค์กรต้องสนับสนุนให้พนักงานเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พัฒนาทักษะ ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้
“ ไม่ว่า AI จะทรงพลังแค่ไหน สุดท้ายยังเป็นมนุษย์ที่ใช้งานอยู่ดี และเมื่อเป็นเช่นนั้น หน้าที่ของเราคือผลักดันให้พนักงานเชื่อว่าพวกเขาสามารถพัฒนาตัวเองได้ ซัพพอร์ตให้เกิดการเรียนรู้ใหม่ ๆ
อย่างที่ UIH เราเชื่อว่าการเรียนรู้สามารถทำได้ตลอดชีวิต โดยพยายามหยิบทักษะใหม่ ๆ เพื่อให้พนักงาน ทุกคนก้าวทันการเปลี่ยนแปลง และต้องเข้าใจก่อนว่า AI ไม่ได้จะมาแทนที่มนุษย์ AI ช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น มนุษย์ที่ไม่ใช้ AI ต่างหากที่จะถูกแทนที่ ”
ความเห็นของ UIH Digital team ต่อเทคโนโลยี AI
ท้ายที่สุดแล้ว อย่างที่คุณ Satya Narayana Nadella, CEO of Microsoft ประเทศไทยมีศักยภาพโดดเด่น โลกธุรกิจแห่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลขยับเร็วขึ้นอย่างก้าวกระโดด และไม่สายเกินไปจะนำ AI Transformation มาช่วยธุรกิจของคุณ หรือการนำ AI มาช่วยวิเคราะห์และแก้ไขปัญหา พัฒนากระบวนการทำงาน และช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
ทุกวันนี้เราเห็นแล้วว่า “AI Transformation” ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นสิ่งจำเป็น สำหรับองค์กรที่สนใจเสริมความพร้อมในการก้าวสู่โลกดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี สามารถปรึกษา UIH เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะพาทุกคนก้าวไปด้วยกัน
สำหรับองค์กรที่สนใจเสริมความพร้อมในการก้าวสู่โลกดิจิทัลด้วยเทคโนโลยีจาก Microsoft โดย Microsoft Certified Team พร้อมทีมงานที่มีประสบการณ์จาก UIH สามารถติดต่อฝ่ายขายที่ดูแลคุณหรือฝ่ายที่ปรึกษาด้านดิจิทัลได้ที่นี่
📞 02-016-5055
ขอขอบคุณข้อมูลและแหล่งอ้างอิง
aimultiple
Harvard Business Review
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews