“ทักษิณ ชินวัตร” จนมุมทางการเมือง ถูกอัยการสูงสุดส่งตัวให้ศาลตัดสินใน “คดี112” จาก “ผู้ต้องหา” ตกเป็น “จำเลย” โดยสมบูรณ์แบบ
“นิติสงคราม”ในมิติทางการเมือง ระบอบประชาธิปไตยแบบไทยแลนด์ เป็นการบริหารจัดการให้เกิดขึ้น โดย “ฝ่ายอำนาจ”ปฏิบัติการชั้น “เซียนเหยียบเมฆ” ด้วยเครือข่ายตามรัฐธรรมนูญ ทฤษฏีต้นไม้พิษ ชนิดไร้ร่องรอย ต้อน “ทักษิณ” เข้ามาเล่นในเกมการเมืองของฝ่ายตน ตามแต่สมรภูมิซึ่งฝั่งอำนาจเป็นผู้กำหนด
หากแต่ “ทักษิณ” พยายามดิ้นรณ ต่อรองอำนาจและผลประโยชน์เพื่อฝ่ายตนและพวกพ้อง ทำให้ขาดพลังการต่อสู้ในเวทีประชาธิปไตยโดยประชาชนและเพื่อประชาชน อันเป็นเสียงสวรรค์ ขาดการเชื่อมโยงด้วยอุดมการณ์ขาดซึ่งความเชื่อมั่นจากพลังศรัทธาของผู้คน การเมืองไทยจึงอยู่ใน ระบบประชาธิปไตยแบบแบ่งแยกแล้วปกครอง ประชาธิปไตย ใน “พรรคร่วมรัฐบาล” เวทีรัฐสภา และกระบวนการยุติธรรมแบบ ค้อนแพ้กระดาษ เสี่ยง เป่ายิ้งฉุบ..
การจัดการของ “ฝ่ายอำนาจ”แบ่งแยกให้ “พรรคร่วมรัฐบาล”ต่อรองถ่วงดุลกันเองโดยฝั่ง “เพื่อไทย”และ “ฝ่ายอนุรักษ์”โดย “พรรครวมไทยสร้างชาติ”และ “พลังประชารัฐ” ขณะเวทีรัฐสภาถ่วงดุลอำนาจและตรวจสอบโดยฝ่ายค้าน “พรรคก้าวไกล”และ “วุฒิสมาชิก” ซึ่งฝ่ายหลังจะต้องถูกกำจัดด้วย “คดียุบพรรค” “วุฒิสมาชิกแบบเลือกกันเอง” จะถูกจัดการโดย “ยุทธการนิติสงคราม”
หาก “สว.ฝ่ายปฏิปักษ์”ผ่านรอบเข้ามามากจนเป็นภัยต่อความมั่นคง ส่วน “คดีถอดถอนนายกฯเศรษฐา ทวีสิน”ออกจากตำแหน่งเป็นเพียงเงื่อนไขต่อรอง และ ปัจจัยขจัด”กลุ่มปรสิต”แห่ง “ทำเนียบจันทร์ส่องหล้า”ที่รายล้อม “ตัวนายกฯ” โดยใช้อำนาจและหน้าที่ นิติบริกร “วิษณุ เครืองาม”เป็นผู้จัดการทั้ง “วาระงานสำคัญ”ก่อนเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)และการจัดวางถ่วงดุลอำนาจการเมืองและความสมผลประโยชน์ของ “กลุ่มทุนภายในรัฐบาลเศรษฐี”..
การรักษา “อำนาจ”และ “ผลประโยชน์” ทำให้ “ฝ่ายทักษิณ”เดินเข้าเกมของ “ฝ่ายอำนาจ”เข้าเขตพื้นที่อันตรายจาก “ผู้ต้องหา”ธรรมดาเป็น “จำเลย”ในชั้นศาล จากสภาพ “ตัวประกัน”ใน “คดีอาญา”กลับเป็น “ตัวประกันในเกมการเมือง”อาจต้อง “ต่อเวลา”ล่วงเลยสิ้นสุด”รัฐบาลเศรษฐา” และอาจต้องจำยอมเป็น “แม่ทัพด่านหน้า”เปิด “สงครามตัวแทน”สู้กับ “ทัพใหญ่ก้าวไกล” แม้จะถูกจัดการโดย “คดียุบพรรค”เพื่อขจัดอำนาจการต่อรองทางการเมืองของ “ฝ่ายเพื่อไทย”ตัดโอกาส “กลับขั้ว”ไปจัดตั้งรัฐบาลใหม่ยุคไร้ “สว.ลากตั้ง”เป็นตัวช่วยและการกำจัดการเติบโตของ “พรรคด้อมส้ม” เฉกเช่นเดียวกับ “วุฒิสมาชิกชุดเลือกกันเอง”แม้จะยังไม่ชัดเจนในระบบสีทางการเมือง แต่หากเสี่ยงต่อความมั่นคง จะต้องกำจัดด้วย “ทฤษฏีต้นไม้พิษ”เพื่อความได้เปรียบทางการเมืองในเวทีรัฐสภา ด้วย “สว.เลือกกันเอง”ยังมีอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้กฏหมายมาตราสำคัญที่แสลงต่อ “ฝั่งขวาจัด” การแต่งตั้งและถอดคณะบุคคลใน “องค์กรอิสระ”ซึ่งเป็นเครือข่ายและเครื่องไม้เครื่องมือของ “ฝ่ายอำนาจ”..
เกมกระดานนี้ “นายกฯเศรษฐา”จะปลอดภัยจาก “คดีถอดถอนออกจากตำแหน่ง” เพียงแต่ “เศรษฐา”จะต้องอยู่ภายใต้การกำกับของฝ่ายอำนาจแทน “ซุปเปอร์นายกฯทักษิณ” ทำนองเดียวกับผลสอบ”2บิ๊กตร.”จบแบบ “กรอบนอกนุ่มใน” “บิ๊กต่อ”กลับเป็นไปตาม “ดีลชั้นเทพ”เกษียณอายุราชการตำรวจบนเก้าอี้ ผบ.ตร ”ขณะ”บิ๊กโจ๊ก”คนปักษ์ใต้บ้านเดียวกับ “นิติบริกร”ต้องรอเคลียร์กับ “คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ”(ก.พ.ค.ตร.)ก่อนจะกลับไปทำงานในตำแหน่งเดิม..
ท้ายที่สุดประเทศไทยยังจะต้องมี”รัฐนาวาน้ำมันเถื่อน”อยู่ด้วย กลลวงเลห์เพทุบาย หากแต่จะสลับฝั่งกันเล่นแบบ “สมบัติผลัดกันชม” โดยไร้ซึ่งปวงชนมี “ส่วนร่วมในการปกครองประชาธิปไตยแบบไทยๆ..ก็เท่านั้น.!!
พบกับคอลัมน์ธงนำข่าวโดย บก.พี่ลุง ได้ทุกวันพฤหัสบดี แล้วร่วมติดตามอนาคตประเทศไทยไปพร้อมกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews