ศึก 3 ก๊ก เข้มข้นชัดเจน แห่งสมรภูมิเดือด “เลือกสมาชิกวุฒิสภา 200 ที่นั่ง” ฝ่ายอำนาจเป็นผู้กำหนดเกมตามรัฐธรรมนูญฉบับคสช.ปฏิบัติการตามกติกา พรป.ที่มาของสว. โดย “ทฤษฏีต้นไม้พิษ”ของ “มีชัย ฤชุพันธุ์” ซือแป๋แห่งกฎหมายมหาชน ชั้นเซียนเหยียบเมฆ ทุกมาตราผูกเงื่อนซ่อนปมชนิดไร้ร่องรอยและใช้ได้กับทุกจังหวะทุกสถานการณ์
“การเลือกสว.แบบเลือกกันเอง” เป็นการดำเนินการ “กำจัดจุดแข็ง”ด้วยกระบวนการให้ผู้สมัครเลือกกันเองทั้งๆที่ตัวเองก็หวังจะได้รับตำแหน่งสว.ผู้ทรงเกียรติลงทุน
จ่าย 2,500 บาทเพื่อเข้าไปใช้สิทธิ์ใช้เสียง..แค่เริ่มต้นเกมด่านแรกคนเด่นคนดังที่อาจเป็น “คู่แข่ง”กลับ “เป้าหมายแรก”ที่จะต้องกำจัดออกไป เว้นแต่ “ขบวนการจัดตั้ง”เข้ามาเพื่อ “สละชีพ”ใช้ “สิทธิ์”เลือก “กลุ่มบุคคลตามโผ”โดยไม่ลงคะแนนแม้แต่ตัวเอง
เนื้อหาสาระกลับมีการจัดตั้งที่เรียก “กลุ่มมินเนียน”ตามท้องเรื่องในละครเป็นตัวการ์ตูนสีเหลืองจอมทะเล้นลูกสมุนผู้จงรักภักดีของฝ่ายอำนาจ ซึ่งคาดการณ์จะได้เสียงสนับสนุนแบบบล็อกโหวตถึงร้อยละ 60 – 70ของจำนวนวุฒิสภา 200 คน..
60 – 70 เปอร์เซ็นต์เท่ากับแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ จำนวน “วุฒิสมาชิกฝ่ายอนุรักษ์นิยม”หากเกิน 165 เสียงนิติบัญญัติแห่งรัฐสภาก็ไม่สามารถเสนอวาระร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญได้
เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้จำนวนเสียงสว.สนับสนุนไม่ถึง 65 เสียงหรือ1ใน 3 ของวุฒิสมาชิกเท่าที่มีอยู่และใช้เสียงส่วนใหญ่ของทั้งสองสภาเห็นชอบ ไม่นับรวมภารกิจยิบย่อยการแก้ไข “กฎหมายอาญามาตราสำคัญๆ”ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง หรือ ญัตติ “การแต่งตั้งบุคลากรในองค์กรอิสระ”ที่มีอำนาจหน้าที่พิจาณาข้อกฎหมายหรือข้อพิพาทแห่งคดีสำคัญๆต่อนิติสงคราม ที่ “ฝ่ายอำนาจ”กำลังใช้ความได้เปรียบกำจัด “ก๊กตรงข้าม”เพื่อไทยและพรรคก้าวไกล..
เฉกเช่นนั้นแม้ “สส.ด้อมส้ม”จะยกขบวนเข้าสภา แต่กลับพ่ายราบคาบด้วยกฎกติกาของ “ฝ่ายกำหนดเกม”
การเข้ามาจำนวนมากของ “สว.ฝ่ายอำนาจ” เปิดทาง “เกมกินรวบ”แห่ง “นิติสงคราม” แม้สมัยเลือกตั้งหน้า “สส.ก้าวไกล”จะแลนด์สไลด์เข้าสภาชนิดถล่มทลายก็ตามที อย่างดีก็ต่อสู้กันในเวทีสภาผู้แทนฯกับฝ่ายบริหารหรือรัฐบาล
เฉกเช่นนี้ถึงบางอ้อจากอาการแกว่งเท้าหาเสี้ยนของ “ทักษิณ ชินวัตร”กับความพยายามสร้าง “คู่ขัดแย้ง”ในพรรคร่วมรัฐบาล รวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ และ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีความชัดเจนใน “สนามเลือกสว.”ภูมิใจไทยร่วมก๊กเข้าก๊วนเป็น “ฝ่ายอำนาจ” จากจำนวน “ว่าที่สว.จัดตั้ง”ในสังกัด ขณะความไม่ลงตัวในมิติแห่งอำนาจและผลประโยชน์ออกอาการระหองระแหงเกิดนโยบายขัดแย้ง เอากัญชาเข้าบัญชียาเสพติด กระแทกป่ารอยต่อ ปิดตำนานข้าวเน่า ดิสเครดิส “รัฐบาลลุงตู่” ริบงานในกำกับปรับความรับผิดชอบกรมในกระทรวงโควต้าของ “พรรคพปชร.” โยนความผิดพลาดให้ “รัฐบาลชุดลุงตู่”บริหารล้มเหลว จนเป็น “วิกฤตเศรษฐกิจ”และพยายามเดินหน้านโยบายแจกเงินดิจิตอลแบบลับๆล่อๆแบบระแวงกันเองในพรรคร่วมรัฐบาล..
จากบริบททางการเมืองมุ่งเข้าสู่วงจรอุบาทว์ การได้มาซึ่งอำนาจทั้ง 3 ฝ่ายไม่ได้ยึดโยงกับเสีย “เสียงสวรรค์”กลับเป็นการตัดขาด “การมีส่วนร่วมของประชาชน”เจ้าของสิทธิแห่งประชาธิปไตยโดยประชาชนและเพื่อประชาชน หากแต่ตรรกะทางการเมือง “ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร”..การเข้ามาโดยการจัดตั้งของ “ฝ่ายอำนาจ”จำนวนมากก็จริงแต่อนาคตอาจเป็น “สภาตลาด”แพ้ “ขบวนการสีเทา” ตามแบบฉบับ “เหมายกพวง”ชั่งกิโลซื้อก็เป็นได้.!
พบกับคอลัมน์ธงนำข่าวโดย บก.พี่ลุง ได้ทุกวันพฤหัสบดี แล้วร่วมติดตามอนาคตประเทศไทยไปพร้อมกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
