ในที่สุดข่าวดีก็มาสู่ประเทศไทย หลังจากที่ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยเองได้เริ่มมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน และเริ่มมีการใช้วัคซีนพาสปอร์ตเพื่อเป็นสิ่งยืนยันในเบื้องต้น ด้วยสาเหตุนี้เองทำให้ประเทศไทยเริ่มเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเข้ามาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของไทย จะมีไทม์ไลน์และเงื่อนไขอะไรบ้าง ไอ.เอ็น.เอ็น ได้สรุปมาไว้ให้แล้ว
มาตรการเปิดประเทศรวมถึงเงื่อนไขนั้นแบ่งได้เป็น 4 ระยะ
ระยะที่ 1 เริ่มวันที่ 1 เมษายน 2564
เปิดจังหวัดนำร่อง 5 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ เชียงใหม่ และพัทยา(จังหวัดชลบุรี) ( จังหวัดอื่นที่ต้องการเปิด ต้องเสนอแผน )
เงื่อนไขสำคัญ : นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาในระยะที่ 1 ต้องได้รับการฉีดวัคซีน โควิด-19 และมีใบรับรองการฉีดวัคซีน กักตัว 7 วันในโรงแรม ซึ่งในโรงแรมจะมีกิจกรรมให้ทำเช่น ฟิตเนส ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน นอกจากนี้ยังมีแอปพลิเคชันสำหรับติดตามตัวเพื่อให้มั่นใจว่านักท่องเที่ยวนั้นอยู่ที่ที่กำหนดไว้จริงๆ
ระยะที่ 2 เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม 2564
ระยะนี้มีชื่อเรียกว่า Phuket Sandbox คือให้จังหวัดภูเก็ตสามารถรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนและมีใบรับรองแล้ว สามารถเข้าภูเก็ตได้เลยโดยไม่ต้องกักตัว
เงื่อนไขสำคัญ : คล้ายระยะที่ 1 คือต้องฉีดวัคซีนและมีพาสปอร์ตรับรอง และสามารถเข้าภูเก็ตได้เลย เหมือนเป็นการกักตัวในภูเก็ต 7 วันก่อนจะไปที่อื่น ยังมีการใช้แอปพิเคชันติดตามตัวเช่นเดิม หากไปพื้นที่อื่นๆไม่ผ่านภูเก็ตต้องกักตัว 7 วัน ตรงนี้มีการขอวัคซีนเพื่อฉีดให้ชาวภูเก็ต
ระยะที่ 3 เริ่มวันที่ 1 ตุลาคม 2564
ระยะนี้ให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าพื้นที่นำร่อง 5 แห่งจากระยะที่ 1 ได้เลยโดยไม่ต้องกักตัว
เงื่อนไขสำคัญ : ต้องได้รับการฉีดวัคซีนและมีพาสปอร์ตรับรอง
ระยะที่ 4 เริ่มวันที่ 1 มกราคม 2565
ระยะนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยได้เลยทุกพื้นที่ไม่ต้องกักตัว เป็นการเปิดประเทศอย่างสมบูรณ์
เงื่อนไขสำคัญ : นักท่องเที่ยวต้องฉีดวัคซีนและมีพาสปอร์ตรับรอง
แผนการเปิดประเทศในครั้งนี้รัฐบาลได้คาดหวังให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวกลับมาอีกครั้งหลังจากที่เงียบหายไปในช่วงสถานการณ์โควิด หากมีรายละเอียดอื่นๆเพิ่มเติม ไอ.เอ็น.เอ็น จะรีบแจ้งให้ทุกคนทราบอย่างแน่นอน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news