“ต่อ-ชาย” เสร็จ “ทักษิณ” อำนาจแลกอุดมการณ์?
“พรรคประชาธิปัตย์” พรรคการเมืองไทยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย พรรคการเมืองที่เคยถูกยกย่องว่าเป็น สถาบันการเมือง ที่ก่อตั้งมาแล้ว 78 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน และตลอดระยะเวลา 23 ปีที่ผ่านมา “ประชาธิปัตย์” ต่อสู้ห้ำหั่นกับ “ไทยรักไทย-พลังประชาชน-เพื่อไทย” ของทักษิณ ชินวัตร มาอย่างต่อเนื่อง
แต่มาวันนี้ มันจบแล้วครับนาย เมื่อเลขาธิการเพื่อไทย ส่งเทียบเชิญต่อนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้เข้าร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการ
และตามสมการการเมืองถ้า ประชาธิปัตย์ เข้าร่วมวงอำนาจจะได้2 ตำแหน่ง และคนที่เต็งจ๋า คือหัวหน้า กับเลขาธิการพรรค
โดยหัวหน้าล่าสุดของค่ายสีฟ้าคือเสี่ยต่อ เฉลิมชัย ศรีอ่อน ขาใหญ่เมืองสามอ่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลพื้นที่ภาคกลาง
ส่วนโปรไฟล์ของ “นายกฯชายเดชอิศม์ ขาวทอง” แม่บ้านประชาธิปัตย์นั้น วันนี้อายุ 60ปีแล้ว คนสงขลา เล่นการเมืองท้องถิ่น มาก่อนลงสนามใหญ่ เป็นสส.มาแล้ว2 สมัย ภายหลังเลือกตั้งเขาพยายามนำประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลเพื่อไทย มีการพบปะหารือกับทักษิณ ชินวัตร ในต่างประเทศ
ต่อมาในการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เขากับสมาชิกในกลุ่มได้ลงมติสวนทางกับมติพรรคประชาธิปัตย์ โดยลงมติเห็นชอบให้เศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี สำหรับการเข้าร่วมรัฐบาลอิงค์นั้น สื่อดังรายงานข่าวว่า
“ประชาธิปัตย์มี สส. 25 เสียง และในเสียงข้างมาก 21 เสียงนั้นอยากร่วมรัฐบาลจนเนื้อเต้น มีเพียงกลุ่มสส.อาวุโส 3 คน ที่เป็นคู่แค้นกับมามากว่า 20 ปี และสส.รุ่นใหม่อีก 1 คน ที่ไม่เห็นด้วย ประกอบด้วย “ชวน หลีกภัย-บัญญัติ บรรทัดฐาน-จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” สส.บัญชีรายชื่อ และเป็น 3 อดีตหัวหน้าพรรค และ “สรรเพชญ บุญญามณี” สส.สงขลา ลูกชาย “นิพนธ์ บุญญามณี” ที่มีจุดยืนไม่เอา “ระบอบทักษิณ”
และใน 21 เสียงที่อยากร่วมรัฐบาลนั้น อยู่ในอาณัติ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย และ “เดชอิศม์” จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยว่า ชื่อของ “เฉลิมชัย-เดชอิศม์” จะสามารถฝ่าด่านสแกน สกรีน ประวัติ-คุณสมบัติรัฐมนตรี เข้มข้นขั้นสุด คือนอกจากไม่มีประวัติติดคุก ติดตะราง แล้วยังต้องไม่มีความด่างพร้อยในด้าน “จริยธรรม” อีกด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อปิดจุดเสี่ยงไม่ให้ “นายกฯอุ๊งอิ๊ง” ต้องตกม้าตาย เหมือน “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน ที่ตั้ง “พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีนั้นเอง
สำหรับ”ประชาธิปัตย์” นั้นเคยยิ่งใหญ่คับบ้านคับเมือง เคยมีหัวหน้าพรรคที่ก้าวขึ้นเป็นผู้นำประเทศมากถึง 4 คนคือ พันตรี ควง อภัยวงศ์,หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช,ชวน หลีกภัย และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ”พรรคประชาธิปัตย์” เคยขึ้นสู่จุดสูงสุดในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 พรรคประชาธิปัตย์ 165 ที่นั่ง แต่ได้อันดับ 2 พ่ายให้กับพลังประชาชนได้คะแนนอันดับ 1 ที่ได้ 232 ที่นั่ง จากนั้นเป็นต้นมาประชาธิปัตย์เริ่มถดถอย จนศึกเลือกตั้ง2566 เหลือ 25ที่นั่ง
ตลอดเวลา 78 ปีที่ผ่านมาของ “ประชาธิปัตย์”มีหัวหน้าพรรคมาแล้ว 9 คน ในวันที่ เสี่ยต่อ ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคคนที่9 นั้น เขา ระบุว่า “ผมรู้ว่า การตัดสินใจของผมในวันนี้ มันเจ็บ มันทำลายสิ่งที่ผมสร้างมาทั้งชีวิต ผมคุยกับท่านอภิสิทธิ์ เมื่อสักครู่ ผมกรีดเลือดออกมาก็เป็นสีฟ้า ไม่มีสีอื่นเลย แล้วตลอดเวลาก็ยึดหลักการและอุดมการณ์ของพรรคไม่เคยเปลี่ยนแปลง และยืนยันกับหัวหน้าอภิสิทธิ์ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยเป็นพรรคอะไหล่”
ขณะที่ในวันส่งเทียบเชิญ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า “วันนี้ประชาธิปัตย์ไม่มีความขัดแย้ง เรามีแต่ความรักความเข้าใจ และการให้อภัยกัน” ส่วนหัวหน้าพรรคเคยยืนยันว่า”อุดมการณ์ของพรรคไม่เคยเปลี่ยนแปลง ” ซึ่งสุดท้ายแล้วไม่มีอะไรแน่นอน การเมืองไร้มิตรและศัตรูคงทน อุดมการณ์ จิตวิญญาณแค่น้ำลาย มีแต่อำนาจเท่านั้นที่หอมหวานและรัญจวนชวนถวิลหาอยู่ร่ำไป !
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews