“เพิ่มพูน” ถกบอร์ดสภาการศึกษา สานต่อการขับเคลื่อนการศึกษาของชาติ
วันนี้ ( 30 ส.ค.67) ที่ห้องกำแหง พลางกูร สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานประชุมสภาการศึกษา ครั้งที่ 3/2567 โดยมี นายอรรถพล สังขวาสี เลขาธิการสภาการศึกษา คณะกรรมการสภาการศึกษาและผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมประชุม
นายอรรถพล สังขวาสี เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า การประชุมสกศ.ในครั้งนี้ มี 2 วาระพิจารณาที่สำคัญคือ 1.มีมติเห็นชอบปรับปรุงแผนการศึกษาแห่งชาติ ที่ในทุกๆ 5 ปีจะต้องมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งในช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาของการปรับเปลี่ยนรัฐบาลจึงต้องรอให้ทางรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก่อน ฉะนั้น จึงขอให้คณะกรรมการพัฒนาแผนการศึกษาแห่งชาติรอฟังนโยบายจากทางรัฐบาลก่อนจึงจะดำเนินการพิจารณาปรับปรุงให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล 2.ดัชนีการศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประเทศไทย พ.ศ. 2567 มีมติเห็นชอบให้ สกศ.นำข้อมูลประสานกับหน่วยงานนำไปใช้พัฒนาแหล่งเรียนรู้ ศึกษาข้อมูลเพื่อประกอบการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 14
“ในที่ประชุมครั้งนี้คณะกรรมการมีมติเห็นชอบและข้อคิดเห็นเพิ่มเติม เนื่องจากดัชนีตัวชี้วัดที่เกิดขึ้นนั้นอาจไม่สอดคล้องกับภาวะสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะสังคมสูงวัย เรื่องระบบนิเวศทางการเรียนรู้อันเนื่องจากอุณหภูมิโลกที่เปลี่ยนไป จึงขอให้นำแนวทางที่เกี่ยวข้องปรับปรุงให้สอดรับกับสังคม ก่อนจะนำส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานต่อไป” เลขาธิการสภาการศึกษากล่าว
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้รายงานผลการประเมินคุณภาพการศึกษาระดับจังหวัด ปีงบประมาณ 2565 – 2567 พบว่า จากคะแนนเต็ม 36 คะแนน ภาพรวมการศึกษาไทย 24.12 คะแนน อยู่ในระดับพอใช้ โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม “ดี” (ร้อยละ 9.1) มี 7 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสงคราม และภูเก็ต และกลุ่ม “พอใช้” (ร้อยละ 90.90) คือ 70 จังหวัดที่เหลือ
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบทั้ง 3 ปีงบประมาณ พบว่ามี 13 จังหวัดที่สามารถพัฒนาคุณภาพการศึกษาดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี (มีคะแนนเพิ่มขึ้น 3 ปีซ้อน) ได้แก่ ชัยนาท จันทบุรี สระแก้ว ชัยภูมิ อำนาจเจริญ สกลนคร ลำพูน อุทัยธานี สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และพังงา
และรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานด้านนโยบายต่างๆ อาทิ ขณะนี้ ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง แนวทางการดำเนินงาน “ธนาคารหน่วยกิต” ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2567 แล้วเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 ขณะเดียวกัน ศธ.ได้ขยายผลพัฒนาหลักสูตรที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพ และขอเพิ่มเติมเกณฑ์การรับรองคุณวุฒิในประเทศของสำนักงาน ก.พ.ให้สอดคล้องกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ตลอดจนศึกษาแนวทางการเทียบเคียงกรอบคุณวุฒิแห่งชาติของไทยกับกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน และระบบคุณวุฒิของจีน
ขณะที่งานส่งเสริมพัฒนาทักษะ อย่างชุดทักษะที่จำเป็น (Essential Skills Set) สำหรับเด็กไทย มีสถานศึกษาเข้าร่วมนำร่องแล้ว 71 แห่ง และจะมีการจัดแข่งขันแฮกกาธอน (Hackathon) ขึ้นสำหรับชั้นม.ปลายและอาชีวศึกษา ส่วนข้อเสนอเชิงนโยบาย 3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยในสภาวะวิกฤตที่เป็นวาระแห่งชาติ อยู่ระหว่างเสนอเข้าครม.พิจารณา และยังได้จัดทำร่างแผนแม่บทการขับเคลื่อนการปฏิรูปการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์เสนอคณะกรรมการพัฒนาการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ฯ ต่อไป
นอกจากนี้สกศ.ได้หารือร่วมกับหน่วยงานเพื่อหาแนวทางการลดภาระค่าใช้จ่ายสถานศึกษา โดยเฉพาะการลดค่าไฟฟ้าด้วยการเพิ่ม “สถานศึกษา” เป็นผู้รับบริการเฉพาะ แยกค่าไฟฟ้าออกจากเงินอุดหนุนรายหัว เปลี่ยนอุปกรณ์ที่ส่งผลต่อค่าไฟฟ้า และออกมาตรการจูงใจทางภาษีสำหรับผู้บริจาคเพื่อการศึกษา
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
