“คิงส์ คัพ” ตั้งเป้ากระตุ้นเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว เงินสะพัดหลายร้อยล้านบาท
สงขลา จัดยิ่งใหญ่! “คิงส์ คัพ” ครั้งที่ 50 ตั้งเป้ากระตุ้นเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว เงินสะพัดหลายร้อยล้านบาท
วันที่ 13 กันยายน 2567 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมติณสูลานนท์ ชั้น 3 สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับ จังหวัดสงขลา จัดงานแถลงข่าว เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันฟุตบอล ชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 50 ประจำปี 2567
การแถลงข่าวครั้งนี้นำโดย ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน อุปนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ นาวาอากาศเอก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน สภากรรมการและโฆษกสมาคมฯ พร้อมด้วย นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร (ประธานอำนวยการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 50) และ นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และแขกผู้มีเกียรติ รวมทั้งสื่อมวลชนเข้าร่วม
โดย ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน กล่าวว่า ในนามตัวแทนของ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งวันนี้ขอเป็นตัวแทนท่านนายกสมาคมฯ คุณนวลพรรณ ล่ำซ่ำ และสภากรรมการสมาคมฯ นักกีฬาและผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย ทุกคนรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาเยือนดินแดนเมืองท่าที่มีประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ และเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญของชาวภาคใต้ เป็นศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยว สังคม วัฒนธรรม รวมถึงด้านกีฬา ที่มีการส่งเสริม สนับสนุน การพัฒนาวงการฟุตบอลทั้งในระดับทีมชาติไทย ระดับลีกอาชีพมาอย่างยาวนาน
การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ เป็นรายการที่สำคัญมาก ของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เพราะเป็นถ้วยที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานไว้ให้กับวงการฟุตบอลไทย มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511 จนมาถึง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยได้จังหวัดที่มีศักยภาพและความพร้อมในทุกด้านเข้ามาเป็นเจ้าภาพในครั้งที่ 50 ที่นับเป็นปีมหามงคลของประเทศ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา โดยฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ยังถือเป็นฟุตบอลถ้วยระดับนานาชาติ ที่เก่าแก่ที่สุดอันดับ 2 ในทวีปเอเชีย อีกด้วย
สำหรับ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ มีนโยบายสร้างกระแสนิยมฟุตบอลไทยให้เกิดขึ้นทั่วประเทศ เพื่อให้แฟนฟุตบอลได้มีส่วนร่วม และ ใกล้ชิดกับการแข่งขันฟุตบอลในระดับนานาชาติ รวมถึงยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในพื้นที่ตามนโยบายของรัฐบาล เช่นเดียวกับครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 9 ที่สมาคมฯ ออกมาจัดการแข่งขันที่ต่างจังหวัด โดย สงขลา ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการของ สมาคมฯ มีความพร้อมรอบด้าน ตามมาตรฐานของ เอเอฟซี ทั้งสนามแข่งขัน ,สนามซ้อม และ ที่พัก ที่สำคัญ ยังเป็นจังหวัดที่มีความคลั่งไคล้ฟุตบอลมากที่สุดในประเทศไทย จากสถิติ ยอดแฟนบอลสูงสุดตลอดกาลที่เคยเกิดขึ้นที่ “สงขลา” ด้วยจำนวน 36,715 คน ในฟุตบอลดิวิชั่น 1 ปี พ.ศ. 2554
การแข่งขันครั้งนี้ จะเป็นการแข่งขันในระดับ FIFA International A Match โดยมี 4 ทีม เข้าร่วม ประกอบด้วย ทีมชาติไทย อันดับ 101 ของโลก และ แชมป์สูงสุด 15 สมัย , ทีมชาติซีเรีย อันดับ 93 ของโลก , ทีมชาติทาจิกิสถาน อันดับ 103 ของโลก และ แชมป์เมื่อปี 2022 และ ทีมชาติฟิลิปปินส์ อันดับ 147 ของโลก จะแข่งขันนัดแรก รอบรองชนะเลิศ วันที่ 11 ตุลาคม 2567 และ นัดชิงชนะเลิศ ในวันที่ 14 ตุลาคม 2567 ณ สนามกีฬาติณสูลานนท์ แห่งนี้
แน่นอนว่า ฟุตบอลทีมชาติไทย ยังไม่เคยคว้าแชมป์ถ้วยนี้ นอกกรุงเทพฯ แต่ทุกอย่างย่อมมีครั้งแรกเสมอ และหวังว่าครั้งแรกนี้จะเกิดขึ้น ที่จังหวัดสงขลา ซึ่งนอกจาก ผู้ฝึกสอน และนักฟุตบอลทีมชาติไทย ที่พร้อมทำงานกันอย่างหนักแล้ว อยากฝากแฟนฟุตบอลชาวสงขลา , ภาคใต้ และ ทั่วประเทศไทย ส่งแรงเชียร์ แรงใจ มาให้ทีมชาติไทยในการแข่งขันครั้งนี้ด้วย
สุดท้ายนี้ เชื่อว่าพี่น้องชาวสงขลา ทุกคนกำลังรอคอยการแข่งขันนี้ เพราะนับตั้งแต่ เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ในปี พ.ศ. 2541 นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปี ที่ ฟุตบอลชาติไทยชุดใหญ่ กลับมาเยือนสนามที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้อีกครั้ง เราหวังว่าจะได้เห็นบรรยากาศ “สนามแตก” เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และ กลับมาคว้าแชมป์ คิงส์คัพ เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี
ด้าน นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ในนามประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอล ชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 50 ประจำปี 2567 กล่าวว่า “จังหวัดสงขลามีความพร้อมในการจัดการแข่งขันฟุตบอล ชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 50 ประจำปี 2567 เป็นอย่างมาก หลังรอคอยการเป็นเจ้าภาพมาถึง 56 ปี”
“ผมในนามประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ ขอขอบคุณสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ, ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, การกีฬาแห่งประเทศไทย, ภาครัฐและเอกชนที่ช่วยกันสนับสนุนให้มีการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดสงขลา และจังหวัดใกล้เคียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดสงขลานั้น ได้มีเป้าหมายที่จะทำให้ “จังหวัดสงขลาเป็นเมืองกีฬา หรือ (Sport City)” ด้วยการสนับสนุนส่งเสริมให้มีการจัดการแข่งขันในกีฬาทุกประเภท ส่งเสริมให้เด็ก เยาวชนเป็นต้นกล้าด้านกีฬาในแต่ละประเภท มีการจัดตั้งคณะกรรมการกีฬาแห่งจังหวัดสงขลาและกองทุนคณะกรรมการกีฬาจังหวัดสงขลาขึ้น”
“จังหวัดสงขลามีความเชื่อมั่นว่า การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอล ชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 50 ประจำปี 2567 ในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้ต้นกล้าเด็ก เยาวชนสงขลามีแรงบันดาลใจในการเป็นนักกีฬาฟุตบอลอาชีพ ส่งเสริมและพัฒนากีฬาฟุตบอลในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง การจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอล ชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ สงขลาครั้งนี้ จะช่วยตอบโจทย์ด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ อันได้แก่ จังหวัดสงขลา นราธิวาส ยะลา ปัตตานี สตูล พัทลุง และนครศรีธรรมราช โดยในช่วงการแข่งขันวันที่ 11 และ 14 ตุลาคม 2567 จังหวัดสงขลาคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย สิงคโปร์เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ในพื้นที่จังหวัดสงขลาหลายหมื่นคน จะสามารถกระตุ้นระบบเศรษฐกิจที่ซบเซาในพื้นที่ได้หลายร้อยล้านบาท และรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว เจ้าภาพการแข่งขันจะมอบให้แก่กลุ่ม ชมรม สมาคมที่เกี่ยวข้องกับการกีฬาใน 16 อำเภอของจังหวัดสงขลา เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความสำเร็จ “สงขลาเมืองกีฬา” ส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นระบบเศรษฐกิจในพื้นที่” ประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขัน กล่าว
ขณะที่ นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวถึงความพร้อมในการจัดการแข่งขันฯ ว่า “หลังจากที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ประกาศยกระดับให้จังหวัดสงขลา เป็นเมืองกีฬา “Songkhla Sports City” ด้านกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ (Sports for Excellence) เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2562 และได้เป็นเจ้าภาพร่วมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ใน พ.ศ.2568 โดยมี กรุงเทพมหานคร จังหวัดชลบุรี และจังหวัดสงขลา ทำให้เราได้มีการเตรียมความพร้อมไว้ก่อนแล้ว”
“ทันทีที่เรา ได้รับการประกาศยืนยันจาก สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอล ชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 50 เราได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ และประชุมเตรียมความพร้อมในแต่ละฝ่ายฯ ตามมาตรฐานที่สมาคมฯ กำหนดไว้ในทุกๆ ด้าน ทั้ง สนามแข่งขัน สนามฝึกซ้อม โดยเราได้มีการปรับปรุงพื้นหญ้า สนามกีฬาติณสูลานนท์ และ อาคารสถานที่ ให้มีความพร้อม 100 %”
“ส่วน โรงแรมที่พัก สำหรับนักกีฬา จังหวัดฯ ได้ประชุมเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการโรงแรม เพื่อจัดเตรียมความพร้อมเรื่องที่พักและอาหาร ตามหลักสากล ที่ได้มาตรฐานสำหรับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ของทุกชาติที่เข้าร่วม จำนวน 3 โรงแรม ประกอบด้วย 1.โรงแรมลากูน่า แกรนด์ โฮเทล แอนด์ สปา ที่พัก จำนวน 63 ห้อง, 2.โรงแรมบีพี สมิหลา บีช จำนวน 70 ห้อง และ 3.โรงแรมบุรีศรีภู จำนวน 27 ห้อง”
“โอกาสนี้ ผมในนามตัวแทนชาวจังหวัดสงขลา ขอขอบคุณ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ,นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม ประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 50 ,การกีฬาแห่งประเทศไทย, ภาครัฐและเอกชน ที่ช่วยกันสนับสนุนให้มีการจัดการแข่งขัน และขอยื่นยันความพร้อมในทุกๆมิติ ในการจัดการแข่งขันฯ ครั้งนี้”
สำหรับ ทีมเข้าร่วมแข่งขันประกอบด้วย ทีมชาติไทย อันดับ 101 ของโลก (เจ้าภาพ) ทีมชาติซีเรีย อันดับ 93 ของโลก , ทีมชาติทาจิกิสถาน อันดับ 103 ของโลก และ ทีมชาติฟิลิปปินส์ อันดับ 147 ของโลก ทุกนัดจะแข่งขันที่ สนามกีฬาติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา ถ่ายทอดสดทางช่อง ไทยรัฐ ทีวี และ Facebook : FA Thailand , Changsuek และ Youtube : Changsuek
โดย ผลการประกบคู่รอบรองชนะเลิศ ที่จะแข่งขันกันในวันที่ 11 ตุลาคม 2567 มีดังนี้
16.30 น. ซีเรีย พบ ทาจิกิสถาน
20.00 น. ทีมชาติไทย (เจ้าภาพ) พบ ฟิลิปปินส์
ผู้ชนะจะผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ในวันที่ 14 ตุลาคม 2567 ส่วนผู้แพ้ก็จะแข่งขันกันในนัดชิงอันดับ 3 ในวันเดียวกัน โดยมีกำหนดการดังนี้
16.30 น. รอบชิงชนะเลิศ อันดับ 3
20.00 น. รอบชิงชนะเลิศ
แฟนบอลที่สนใจ สามารถซื้อได้ที่ เว็บไซต์ https://www.thaiticketmajor.com/sport/football-50th-kings-cup-2024.html และจุดจำหน่ายไทยทิคเก็ตเมเจอร์ สาขาหลัก 11 สาขา ได้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 9 กันยายน 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป
#ราคาบัตร
โซน WA/WB/WC/WD : 600 บาท และ AWAY 600 บาท
โซน E : 500 บาท
โซน N1 / N2 / N3 : 300 บาท
โซน S1 / S2 / S3 :300 บาท
รายละเอียดบัตร : บัตร 1 ใบ (ต่อ 1 วัน) สามารถเข้าชมการแข่งขันได้ 2 แมตช์
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews