ตม.รวบหญิงไทยหัวใส ปลอมเอกสาร COE เดินทางจากเยอรมนี เข้าราชอาณาจักร พร้อมนำส่งสภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินคดี
พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.บูรณาการร่วมกับด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค ตรวจคัดกรองบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย สามารถจับกุมบุคคลต้องสงสัยเป็นหญิงไทย โดยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า เที่ยวบินที่ LH722 ซึ่งเดินทางมาจากประเทศเยอรมนี
พบถือหนังสือรับรองการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ที่ออกให้โดยสถานกงสุลไทย ประจำกรุงมิวนิค ประเทศเยอรมนี (Certificate Of Entry) หรือ COE เมื่อได้ตรวจสอบจากบัญชีรายชื่อผู้โดยสารคนไทย ที่เดินทางกลับประเทศไทยในวันดังกล่าว ไม่พบรายชื่อหญิงไทยรายนี้ จึงได้สอบถาม ผู้ต้องสงสัยยอมรับ ว่าได้ทำการแก้ไข เพิ่มเติม ชื่อ-นามสกุล เลขที่หนังสือเดินทาง และวันเดินทางลงในเอกสาร COE เพื่อใช้ในการออกบัตรโดยสารเที่ยวบินดังกล่าว โดยดาวน์โหลดเอกสารเอกสาร COE จากเว็บไซต์ของสถานทูตไทยในประเทศเยอรมนี (coethailand.mfa.go.th) จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าผู้ต้องสงสัยยังมีเอกสาร COE อีก 2 ฉบับ
ในเวลาต่อมาได้รับการยืนยันจากกระทรวงการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเบอลิน ว่า ยังไม่ได้อนุมัติการ ลงทะเบียนขอ COE ให้กับผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด จึงได้ดำเนินการจับกุมในฐานความผิด ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม และนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขอประชาสัมพันธ์ว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดชัน และปราบปรามการกระทำความผิดใน ด้านต่าง ๆ อันจะทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ทันที
ตม. จับชาวฝรั่งเศสลอบจำหน่ายกัญชา พร้อมรวบชาวไทยขนไอซ์ขณะเดินทางไปยังประเทศอิสราเอล
ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุม นายแซมมี่ อายุ 28 ปี สัญชาติฝรั่งเศส หลังสืบทราบว่าเป็นหนึ่งในแก๊งคนร้ายชาวต่างชาติที่ลักลอบจำหน่ายกัญชาโดยผิดกฎหมาย ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆในประเทศไทย
โดยการจับกุมครั้งนี้ตำรวจได้ทราบข้อมูลจากนิติบุคคลผู้ดูแลอาคารแห่งหนึ่งในซอยศรีบำเพ็ญ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาธร กรุงเทพฯ ว่า มีชายชาวฝรั่งเศสมาติดต่อเช่าห้องพักเป็นเวลา 1 เดือน มีพฤติการณ์น่าสงสัยเนื่องจากมีชาวต่างชาติผลัดเปลี่ยนเข้ามาห้องพักหลายครั้งแต่ละครั้งในระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงแล้วกลับออกไป เมื่อตรวจสอบจากตำหนิรูปพรรณซึ่งตรงกับแก๊งคนร้ายที่ลักลอบจำหน่ายกัญชาจึงแสดงตัวเข้าจับกุมที่ห้องพัก พบกัญชาอบแห้ง, ถุงซิบล็อค, กระดาษม้วนสำหรับเสพ และเครื่องอัดรีดร้อนระบบปั้มลม
และขยายผลไปตรวจสอบที่พักอาศัยอีกแห่งหนึ่ง ย่านเจริญนคร สามารถจับกุมเพื่อนร่วมขบวนการได้อีก 3 คน คือ นายเชอกี้ อายุ 27 ปี และ นางอนิสสา อายุ 28 ปี สัญชาติฝรั่งเศส และ นายอีเลมิล อายุ 29 ปี สัญชาติอังกฤษ ตำรวจจึงส่งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวนสน.ทุ่งมหาเมฆดำเนินคดี ในข้อหา มียาเสพติดประเภท5(กัญชา)ไว้ในครอบครอง
ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่าพฤติกรรมแก๊งคนร้ายกลุ่มนี้จะเช่าห้องพักรายเดือน ทำเลใจกลางกรุง เป็นพื้นที่พักของระหว่างรอการอัดแท่งและแบ่งจำหน่าย โดยจะผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาที่ห้องพักเพื่อแบ่งกัญชาไปจำหน่ายให้ลูกค้า
นอกจากนี้ตำรวจยังได้จับกุมชายไทย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นแรงงานที่จะเดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ได้ลักลอบขนยาเสพติดประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) บรรจุอยู่ในกระป๋องข้าวโอ๊ต 4 กระป๋อง รวมน้ำหนัก 3.085 กิโลกรัม จึงได้จับกุมในความผิดฐานพยายามนำยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อนนำส่งพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผบช.สตม.แถลงจับกุมชาวไนจีเรีย ในคดี Romance scam พบมูลค่าความเสียหายกว่า 370 ล้านบาท
พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงข่าวการจับกุม ชาวต่างชาติในคดี Romance Scam เนื่องจากมีรายงานว่า มีชาวต่างชาติผิวสี มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ พักอาศัยอยู่หอพักแห่งหนึ่งในซอยลาดพร้าว 83 โดยมีชื่อผู้เช่าเป็นหญิงชาวไทย ซึ่งหลังที่จากได้เฝ้าสังเกตการณ์พบว่า พฤติกรรมของชาวไนจีเรียนั้น ไม่ชอบพบเจอผู้คน ใช้เวลาเดินทางเข้า-ออกจากหอพัก เป็นเวลาที่ผู้พักรายอื่นได้เข้าห้องกันหมดแล้ว และไม่สุงสิงกับใคร
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เป็นต่างด้าว ชื่อนาย เบอร์ทาน อายุ 60 ปี เป็นชาวไนจีเรีย ได้เดินทางเข้ามาวันที่ 27 ก.ค. 2562 และไม่ได้มีการขออยู่ต่อกับทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง โดยมีการอาศัยอยู่เกินมา 551 วัน
ทั้งนี้ยังตรวจพบข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตัวเป็นบุคคลอื่น ปลอมเอกสาร นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น และยังเกี่ยวข้องกับ คดี Romance Scam โดยการหลอกหญิงชาวไทยให้หลงเชื่อ และโอนเงินมาให้ตนซึ่งมูลค่าความเสียหายกว่า 370 ล้านบาท จึงได้มีการประสาน และส่งตัวให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินตามขั้นตอนต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news