“อัจฉริยะ”ไม่ทน ร้อง บิ๊กต่าย ตั้งกก.สอบข้อเท็จจริงและวินัยร้ายแรง ชุดทำคดีแตงโม สร้างหลักฐานเท็จ หลังปรากฎคำพิพากษาของศาลชี้ แตงโมไม่ได้ตกท้ายเรือ -บาดแผลไม่ได้เกิดจากใบพัด เผย ยังเหลืออีก5คดีที่ต้องต่อสู้ ขออุบรายละเอียดสำคัญ
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อให้ดำเนินการใน 4 เรื่อง โดยมีเรื่องที่น่าสนใจคือการร้องขอให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และวินัยร้ายแรง กับ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรีทุกชุด ทุกคน
และสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจในคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงฆ์หรือแตงโม ที่มีการสร้างหลักฐานเท็จ และพยานเท็จ เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาบนเรือให้พ้นผิด หรือรับโทษน้อยลง และร้องขอให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และวินัยร้ายแรง กับ พล.ต.ต.ต.วสันต์ ฯ และ พ.ต.อ.วรชาติฯ ที่นำความลับทางราชการในสำนวนการสืบสวนสอบสวนคดีการเสียชีวิตของแตงโมไปเปิดเผยให้แก่บุคคลภายนอกรับทราบด้วย
นายอัจฉริยะ กล่าวว่าคดีนี้ปรากฎข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาของศาลว่าแตงโมไม่ได้ตกท้ายเรือ และบาดแผลไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือและมีการแก้ไข GPSเรือ และมีการนำวัตถุพยานที่ไม่น่าเชื่อถือในคดี เช่น เส้นผมที่เจอ3เส้นเป็นการเก็บหลักฐานครั้งที่4 ศาลไม่เชื่อเพราะอยู่ใต้น้ำต้องไปกับน้ำไม่เชื่อว่าอยู่บนเรือ และสิ่งที่แซน อ้างว่านั่งอยู่ท้ายเรือศาลก็ไม่เชื่อ เพราะปอ 1ในผู้ต้องหาได้ไปให้การกับศาลว่าห้องน้ำบนเรือไม่ได้เสีย และศาลยังชี้ว่าวันเกิดเหตุมีเรือสปีดโบ๊ท2ลำ จึงอาจเป็นไปได้ที่มีการสลับเรือ มีการปั้นพยานเท็จเพื่อช่วยเหลือคนบนเรือให้พ้นผิด จึงขอให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายอัจฉริยะ ยังกล่าวว่าในคดีของแตงโม ตนเองถูกดำเนินคดีรวม 6 คดี ศาลยกฟ้อง1คดี ยังเหลืออีก5 คดีที่ต้องต่อสู้กัน เรื่องบางเรื่องจึงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ทั้งหมด แต่วันนี้ได้นำคำพิพากษามาแสดงเพื่อแสดงให้เห็นว่าศาลได้มีคำพิพากษาตามที่ตนเองได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 31 ต.ค.67 ไม่ได้เป็นไปตามที่ถูก ว่าที่ ร.ต.อ.หญิง กล่าวหาแต่อย่างใด ว่ารู้คำพิพากษาล่วงหน้า
จึงร้องขอให้ ผบ.ตร.ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงและวินัยร้ายแรง ร.ต.อ.หญิง คนดังกล่าวและตำรวจชุดทำคดีแตงโม 21 คน ที่แจ้งความ ตนเอง ที่ สน.ประชาชาชื่น โดยพบว่าในการร้องมีการกระทำเป็นขบวนการ ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่แพ้คดีแล้วมาร้องกล่าวหาในการดิสเครดิตและกล่าวหาองค์คณะผู้พิพากษาทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่โจทก์ร่วมตามกฎหมาย หรือเป็นผู้รับมอบอำนาจจากคณะทำงานที่ฟ้องในคดีนี้มา และไม่ทำตามคำสั่งขอขององค์คณะผู้พิพากษาที่ให้อ่านร่างคำพิพากษาได้ และมาคัดคำพิพากษาตัวจริงได้ภายหลัง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews