รัฐบาลเร่งโหมข่าวดีขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อเนื่อง จับตางานใหญ่สัปดาห์นี้ ลุ้นที่ประชุมคณะรัฐมนนตรี คาดมีโอกาสอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ส่วนวันที่ 11 ธันวาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยธนาคารแห่งประเทศไทย และผู้บริหารสถาบันการเงินจะร่วมกันแถลงมาตรการแก้หนี้ของธนาคารพาณิชย์ ในส่วนของหนี้บ้าน หนี้รถยนต์ และหนี้ SME อย่างเป็นทางการเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกหนี้
และอีก 1 ไฮไลท์สำคัญของสัปดาห์ก็คือ วันที่ 12 ธันวาคม นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” จะแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลในรอบ 3 เดือน ซึ่งนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี คาดว่าจะมีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นของขวัญปีใหม่ อาทิ การซื้อสินค้า บริการแล้วคืนภาษี รวมถึงมาตรการท่องเที่ยวลักษณะคนละครึ่ง และมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพต่างๆ
แน่นอนว่า ไทมไลน์ดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญสร้างความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจะเชื่อมโยงกับ “จีดีพี” หนึ่งในดัชนีที่สะท้อนถึงฝีมือลายมือในการบริหารประเทศของรัฐบาล โดยในปี 2567 และ 2568 กระทรวงการคลัง คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 2.7% และ 3% ตามลำดับ
สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.คุยกับ “ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์” นักวิชาการอิสระ ที่ในอดีตนั้นดำรงตำแหน่งคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลโดย “ศ.ดร.พรายพล” กล่าวว่า รัฐบาลพยายามบริหารเศรษฐกิจ ซึ่งมาตรการต่างๆที่จะออกมาในสัปดาห์นี้ ก็เชื่อว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้ในระดับหนึ่ง
“ก็เท่าที่ผ่านมา ผมคิดว่า เขาก็ได้พยายาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจ แจกเงิน 1 หมื่นบาทรอบแรก ถึงแม้ว่าจะเป็นจำนวนจำกัด แต่ว่าก็ช่วยได้บางในระดับหนึ่ง ไม่ถึงกับเห็นผลชัดเจนนัก อันนั้นก็คงเป็นประเด็นที่จะต้องติดตามกันต่อว่า รอบที่ 2 จะเป็นอย่างไร จะมาเมื่อไร จะให้ใครบ้าง ก็ได้ข่าวมาแล้ว ก็อันนี้ก็คงสร้างความเชื่อมั่นได้ในระดับหนึ่ง อันที่ 2 ก็คงเป็นเรื่องการคาดการณ์ว่า รัฐบาลจะมีของขวัญปีใหม่อะไรหรือเปล่า ก็คิดว่าเขาก็คงพยายาม เพราะว่าใกล้เทศกาลปีใหม่ เพราะฉะนั้นการกระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยว การใช้จ่าย ก็น่าจะสร้างความเชื่อมั่นได้ในระดับหนึ่ง”
นอกจากนี้ “ศ.ดร.พรายพล” ยังได้ให้คะแนนผลงานรอบ 3 เดือนในการบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร” ไว้อย่างน่าสนใจ โดย “ศ.ดร.พรายพล” กล่าวว่า ถ้าเป็นการสอบก็จะให้ C เพราะในด้านเศรษฐกิจหลายเรื่องยังทำช้าและน้อยเกินไป
“ในด้านเศรษฐกิจผมคิดว่า หลายอย่างทำช้าและน้อยเกินไป จะถามว่าผ่านไหม ก็คงผ่านแบบไม่ค่อยดีเท่าไรคะแนน ผมจะให้ C ถ้าเป็นการสอบ จะบอกว่าไม่ผ่านก็ไม่ได้ เพราะเขาก็พยายามอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ผมพูดถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการแจกเงิน 1 หมื่นบาท ก็ทำได้ในระดับหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าจะช้าเกินไปในระดับหนึ่ง เรื่องของการกระตุ้นสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องของการลงทุนยังไม่ค่อยเห็นผลเท่าไร พลังงานก็เป็นอีกส่วนหนึ่งซึ่งพูดกันเยอะ แต่ไม่ค่อยมีแอ็กชั่นเท่าไร ปรับนี่ เปลี่ยนโน้น ทั้งแผนพลังงาน ซึ่งในร่างก็เสร็จไปแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้ออกมาเป็นแผนจริง เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าควรจะต้องเร่ง”
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2568 “นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ปี 2568 เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะเติบโตที่ 2.4% ช้าลงกว่าปี 2567 เล็กน้อยที่คาดว่าจะขยายตัว 2.6% จากแรงส่งจากการท่องเที่ยวที่ลดลงตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าใกล้ระดับก่อนโควิด
ส่วนการส่งออกคาดว่าจะโตช้าลงจากผลกระทบสงครามการค้า อย่างไรก็ตาม การลงทุนภาครัฐขยายตัวดีกว่าปีที่ผ่านมาจากเม็ดเงินเบิกจ่ายงบประมาณที่ต่อเนื่อง ในขณะที่การลงทุนเอกชนปรับตัวดีขึ้นจากปี 2567 ที่หดตัว
ขณะที่ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ระบุว่า ปีหน้าค่าเฉลี่ยของตัวเลขคาดการณ์จีดีพีไทยของสำนักเศรษฐกิจต่างๆ อยู่ที่ 3.1% ซึ่งยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้ จากการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยของภาครัฐ ฯ อาทิ โครงการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 รวมถึงการช่วยเหลือ ชาวนาไร่ละ 1,000 บาท และยังมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท/วัน ซึ่งทำให้เศรษฐกิจไทยระยะถัดไป ยังมีโอกาสเติบโตได้ตามเป้าหมายของหลายสำนักเศรษฐกิจ
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการทางเศรษฐกิจ เพราะเชื่อมโยงกับคะแนนนิยมที่จะสะท้อนมายังนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews