สนค. ดันเฟอร์นิเจอร์ไทยตอบโจทย์ตลาดโลก
สนค. ดันเฟอร์นิเจอร์ไทยให้ตอบโจทย์ตลาดโลกและผู้บริโภคยุคใหม่ โดยได้จัดทำรายงานการศึกษา พร้อมวิเคราะห์แนวโน้มความต้องการเฟอร์นิเจอร์ในอนาคต
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ หลากหลาย และก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก ดังนั้น การเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิตเฟอร์นิเจอร์ จึงสามารถส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อภาพรวมเศรษฐกิจ
โดยในปี 2023 อุตสาหกรรมการผลิตเฟอร์นิเจอร์ มีจำนวนผู้ประกอบการทั้งหมด 12,117 ราย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายย่อย (Micro) จำนวน 9,204 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 75.96 และมีการจ้างงานทั้งหมด 106,556 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นการจ้างงานในธุรกิจรายย่อย (Micro) และธุรกิจขนาดย่อม (S) คิดเป็นสัดส่วนรวมกันกว่าร้อยละ 61.57 ซึ่งการจ้างงานส่วนใหญ่อยู่ในภาคการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ จำนวน 46,727 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 43.85 ของจำนวนการจ้างงานในภาคการผลิตเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า อุตสาหกรรมการผลิตเฟอร์นิเจอร์ของไทยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหลัก และเป็นกลุ่มผู้ประกอบการ รายย่อยและขนาดย่อมที่เป็นกลุ่มฐานรากในระบบเศรษฐกิจที่จะต้องให้ความสำคัญอย่างมาก
โดยอุตสาหกรรมการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไทยพึ่งพาการส่งออกเป็นหลักคิดเป็นประมาณร้อยละ 70 ของการผลิตเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด โดยในปี 2023 ไทยมีมูลค่าส่งออก 1,617.51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดส่งออกหลัก 3 ประเทศแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีน
อย่างไรก็ตาม ความนิยมเฟอร์นิเจอร์มีการปรับเปลี่ยนจากปัจจัยต่าง ๆ ตามบริบทของโลก อาทิ ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และการตระหนักรู้ถึง ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้น โดยทิศทางแนวโน้มความต้องการเฟอร์นิเจอร์ 3 ประการ ได้แก่ (1) ความกลมกลืนและเชื่อมโยงกับธรรมชาติ (2) การผสานเทคโนโลยีเข้ากับชีวิตได้อย่างราบรื่น ผสานฟังก์ชันต่าง ๆ ที่พร้อมตอบสนองต่อความต้องการและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ และ (3) การใช้งานได้หลากหลาย (Multitasking) สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความต้องการในชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของผู้ใช้งานได้
นอกจากนี้ มาตรฐานเฟอร์นิเจอร์ ยังเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องคำนึง เนื่องจากจะเป็นตัวกำหนดแนวปฏิบัติเพื่อให้ผู้ผลิตและส่งออกดำเนินการให้สอดคล้องกับกฎหมายและข้อบังคับของประเทศปลายทาง อีกทั้งยังมีส่วนช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและความน่าเชื่อถือต่อผู้บริโภคได้มากขึ้น ทั้งมาตรฐานด้านความปลอดภัย และมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews