“บิ๊กก้อง” แถลง จับจีนเทาฟอกเงิน หมุนเวียน 6,500 ลบ.

บิ๊กก้อง แถลง จับแก๊ง มังกรจีนเทา ฟอกเงินองค์กรอาชกรรมหลายรูปแบบ พบปีกว่าคอลเซ็นเตอร์แก๊งเดียว ถอนเงิน 2,900 ล้าน ได้ส่วนแบ่ง 0.03%
วันนี้ ( 18 ก.พ. 68) เวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. ร่วมแถลงผลทลายเครือข่ายแกงฟอกเงินองค์กรเทาโดยจับกุมนางสาว อัจฉรา อายุ 27 ปี และชาวจีน 4 คนพร้อมคนไทยในขบวนการรวมทั้งหมด 10 คน ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันเป็นอั้งยี่และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช เปิดเผยว่า โดยผู้ต้องหามีพฤติการณ์ หลอกลวงเหยื่อที่นิยมชอบใช้สื่อโซเชียลมีเดีย การเช่าที่พัก รวมถึงการหางาน โดยอาศัยรูปแบบการทำงานที่ง่าย อาทิ กดไลค์ กดเพิ่มยอดผู้ติดตาม และได้เงินทันทีจึงทำให้เหยื่อหลงเชื่อ สนใจเข้าร่วมงาน เมื่อได้ลองทำงานแล้วในช่วงแรกปรากฏว่าได้รับเงินจริงจำนวนหลายครั้ง จากนั้นทางกลุ่มคนร้าย ได้ชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมทำกิจกรรมลักษณะการทำกิจกรรมพิเศษ โดยต้องนำเงินมาลงทุน และได้รับผลตอบแทน 30% ถึง 50% โดยช่วงแรก ได้รับผลตอบแทนจริง จากนั้นเมื่อลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่สามารถถอนเงินออกจากระบบได้ โดยคนร้ายอ้างว่าผู้เสียหายไม่ทำตามขั้นตอนที่กำหนด
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าขบวนการดังกล่าว ซึ่งมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ มีการยกย้ายถ่ายเทเงิน ที่ได้จากการกระทำความผิดเป็นทรัพย์สินดิจิทัล ก่อนจะถ่ายเทไปยังกระเป๋าดิจิทัลอีกหลายทอด จนกระทั่งพบว่ากลุ่มผู้ต้องหา ทำหน้าที่ฟอกเงินและแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลเป็นเงินสด เพื่อนำส่งให้กับกลุ่มจีนเทาภายในประเทศไทย เบื้องต้นพบมีผู้เสียหายประมาณ 60 รายมูลค่าความเสียหาย 10 ล้านบาทจากการขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถออกหมายจับ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 32 ราย ประกอบด้วยบัญชีม้าคนไทย 10 ราย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนจำนวน 2 ราย กลุ่มขบวนการฟอกเงินจำนวน 20 ราย ซึ่งมีทั้งชาวไทยชาวจีนและชาวเกาหลี
จากนั้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 68 ตำรวจได้ขยายผล ตรวจค้น 20 จุดใน 8 จังหวัด โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ 10 ราย ซึ่งเป็นแก็งฟอกเงิน ให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ภายในประเทศไทย จำนวน 5 ราย และเจ้าของบัญชีม้าอีก 5 ราย โดยตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินต่างๆรวม 210 รายการ มูลค่าทั้งหมดกว่า 440 ล้านบาทโดยตนเองได้ทำหน้าที่ฟอกเงินในปี 66 จนถึงปัจจุบัน โดยมีการรับเป็นสกุลเงินดิจิทัลสกุล USDT จำนวน 187 ล้านเหรียญ USDT คิดเป็นเงินไทยประมาณ 6,500 ล้านบาท และมีการถอนเงินสดเป็นเงินไทย 2,900 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังพบว่ามีเงินไหลเข้าไปบริษัทอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 10 บริษัท ในย่านบางนา เอกมัย และฝั่งธน ซึ่งใช้นอมินีสัญชาติไทย แต่กรรมการเป็นคนจีน ซึ่งตรงนี้ตำรวจจะต้องตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews