“พิชัย” ติดต่อUS เจรจาต่อรองถูกขึ้นภาษีนำเข้า 36%

“พิชัย” ติดต่อสหรัฐฯ เจรจาต่อรองทันที หลังถูกขึ้นภาษีนำเข้า 36% ยันไม่นิ่งนอนใจ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยอมรับว่า “ค่อนข้างตกใจ” ที่เห็นสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าจากไทยเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดไว้ ซึ่งรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะทำงานนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาขึ้นมาแล้ว และได้มานั่งวิเคราะห์กันว่า สหรัฐฯ อาจจะใช้คำนวณรวมภาษีโดยตั้งไว้ที่ 72% แล้วหารสอง เหลือ 36%
และทุกประเทศได้รับผลกระทบทั้งหมด รวมทั้งประเทศที่ผ่านการเจรจากับสหรัฐก่อนหน้านี้ ก็ยังถูกเก็บภาษี อย่างเวียดนาม ก็ถูกเก็บภาษีเพิ่มเป็น 46% และญี่ปุ่น 24%ทั้งนี้ แนวทางปฏิบัติหลังจากนี้ ต้องเร่งเจรจากับสหรัฐ ให้ลดภาษีนำเข้าตรงนี้ให้ได้ รวมถึงาแนวทางเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบด้วยอย่างไรก็ตาม ขณะนี้ อยู่ระหว่างการประสานเพื่อเข้าเจรจาต่อรอง ซึ่ง ตนได้ติดตามสถานการณ์ตั้งแต่ช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา และได้ติดต่อไปทางสหรัฐฯ ทันที แล้วว่า
ไทยอยากเข้าไปเจรจา ย้ำว่า “ไม่ได้นิ่งนอนใจ”
ยืนยันว่า ได้ดำเนินงานอย่างเต็มที่ และติดต่อกับสหรัฐฯ มาโดยตลอด ซึ่งขณะนี้ ทางคณะทำงานฯ ก็ได้มีการเตรียมข้อมูลไว้แล้วว่าจะเจรจากับสหรัฐอย่างไรส่วนผลกระทบต่อตัวเลขทางเศรษฐกิจ GDP ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะไม่รู้ว่าแนวทางจะเป็นอย่างไร แต่ทิศทางการส่งออกของไทยขณะนี้ยังดีอยู่
และเชื่อว่ายังมีโอกาสต่อรองอีกมาก จากความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ที่ยังดีอยู่
ขณะที่ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะ ประธานคณะทำงานนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ย้ำว่า ขณะนี้ มีความพร้อมเดินทางทันที หากสหรัฐฯนัดที่ให้เจรจาต่อรอง ซึ่งเรื่องนี้ “นายกรัฐมนตรี” ให้ความสำคัญ ทำงานเป็นทีมไทยแลนด์ และมีเอกอัคราชทูตประจำกรุงวอชิงตันดีซี ก็พร้อมเจรจาหากมีการนัดหมายแบบกระทันหัน
สำหรับมาตรการที่จะไปเจรจา เบื้องต้น จะมีการปรับลดภาษีสินค้านำเข้าบางรายการ และการเพิ่มการนำเข้าสินค้าบางรายการ ที่ไทยไม่เคยนำเข้ามาก่อน แต่ยังไม่สามารถเปิดในรายการสินค้าได้ รวมถึงการลดเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรค ต่อการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ และให้ความสำคัญกับประเด็นที่สหรัฐฯ กังวล โดยมีแนวทางการสร้างความสัมพันธ์ทางด้านซัพพลายเชนอาหาร กับสหรัฐฯ
ซึ่งอุตสาหกรรมที่อาจได้รับผลกระทบ ที่ส่งออกไปสหรัฐสูงสุด เช่น สินค้าเกี่ยวกับโทรศัพท์ สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ยานยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และหม้อแปลงไฟฟ้าส่วนสินค้าเกษตรที่อาจได้รับผลกระทบ มากที่สุด คือ ข้าวหอมมะลิทั้งนี้ ทุกมาตรการ ได้ผ่านการหารือ ภายใต้คณะทำงานฯ กับผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะภาคเอกชนในประเทศ และพิจารณาถึงประโยชน์ในทุกมิติ มั่นใจว่า เป็นประโยชน์กับประเทศมากกว่า และมีส่วนสำคัญในการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมของประเทศด้วย ขณะเดียวกัน ในอีกแง่มุม ผู้บริโภคสหรัฐฯ เอง ยังไงก็ต้องบริโภค และการขึ้นภาษีก็ทำทั้งหมดกับประเทศคู่ค้า
ขณะเดียวกัน ไทย เดินหน้าหาตลาดใหม่ๆ ใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA โดยเฉพาะที่ไทยอยู่ระหว่างการเจรจานั้น น่าจะสรุปผลได้เร็วกว่าทึ่คาดไว้ เพราะทุกประเทศต้องหาบริหารความเสี่ยง โดยหาตลาดใหม่ๆ เช่นกันส่วนมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ จะมีการหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อหารือถึงมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออกสินค้าไปสหรัฐ โดยเฉพาะเรื่องดอกเบี้ย และคาดว่าจะใช้งบประมาณช่วยเหลือจากงบกลาง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews