ไทยจับมือ UNODC ถกแก้ปัญหาแก๊งคอลฯ ในอาเซียน

 

ตำรวจแห่งชาติ ประชุมร่วม UNODC ถกปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในอาเซียน – ชี้ภัยไซเบอร์รุนแรงขึ้น-ใช้ AI และ Deepfake หลอกลวง

 

พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ และหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เข้าร่วมอภิปรายในงาน “Expert Panel on Scam Centers and Cybercrime in the Mekong Region” จัดโดย UNODC ณ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย โดยมีผู้แทนจากสถานทูต ผู้สื่อข่าว และประชาชนร่วมรับฟัง

 

ในเวทีนี้ พล.ต.อ.ธัชชัย เปิดเผยถึงความพยายามของไทยในการสกัดกั้นเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติที่ใช้พื้นที่ชายแดนเป็นฐานปฏิบัติการ โดยนำกลยุทธ์ “ยุทธการระเบิดสะพานโจร” มาปรับใช้ ซึ่งมุ่งทำลายโครงสร้างพื้นฐาน 3 ด้าน ได้แก่ ระบบการสื่อสาร, ช่องทางการเงิน และตัวบุคคลผู้กระทำผิด และ ยังเน้นถึงความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยไทยมีบทบาทสำคัญในการส่งตัวผู้ต้องสงสัยจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมืองเมียวดี กลับประเทศต้นทางแล้วกว่า 7,000 ราย พร้อมประสานข้อมูลหลักฐานเพื่อขยายผลปราบปรามให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับจีน ญี่ปุ่น และกัมพูชา ที่มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิด

 

ด้านนายเบเนดิกต์ ฮอฟแมนน์ ผู้แทน UNODC เผยว่า กลุ่มอาชญากรเหล่านี้เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งขยายฐานไปยังนอกเอเชีย และเริ่มผันตัวไปก่ออาชญากรรมอื่น เช่น การค้ายาเสพติด พร้อมใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง Deepfake และ AI เพิ่มความแนบเนียนในการหลอกลวง ซึ่งน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง โดย UNODC ยังพบแนวโน้มการ “สมัครใจ” เข้าทำงานเป็นสแกมเมอร์เพิ่มขึ้น สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม และมีตลาดมืดออนไลน์อย่าง HuiOne Guarantee ที่สนับสนุนการฟอกเงินแบบครบวงจร พร้อมสกุลเงินดิจิทัลเฉพาะกิจของตนเอง

 

นอกจากนี้ น.ส.เจนนิเฟอร์ โซห์ จาก Group-IB ยังได้เผยถึงภัยคุกคามใหม่ “Android Malware Scam” ที่อาชญากรไซเบอร์ใช้แอปปลอมควบคุมโทรศัพท์และดูดข้อมูลสำคัญ รวมถึงใช้เทคนิค Camera Injection Tool หลอกระบบยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า เพื่อขโมยเงินจากบัญชีธนาคาร

 

การประชุมครั้งนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปรับกลยุทธ์การรับมือที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อปกป้องประชาชนจากภัยอาชญากรรมไซเบอร์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็วและรุนแรงมากขึ้นในระดับโลก

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news